348 week ago — ใช้เวลาอ่าน 4 นาที
การส่งออกออนไลน์ หรือการขายข้ามระหว่างประเทศ (cross-border) ที่ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของ e-Commerce ซึ่งในเมืองไทยนั้นยังมีไม่มากนัก การขายแบบ cross-border นั้นยังคงมีอุปสรรคในเรื่องของภาษาและช่องทางที่จะส่งออก แต่ก่อนที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศได้คงต้องเริ่มจากการเรียนรู้และมีประสบการณ์การขายภายในประเทศให้ดีมากพอเสียก่อนแล้วจึงขยับขยายออกไปยังต่างประเทศ การส่งออกไปยังต่างประเทศนั้นจะมีขั้นตอน กฎระเบียบ และพิธีการต่างๆ ที่ซับซ้อนกว่ามาก จึงมีผู้ประกอบการไทยน้อยรายที่จะทำการค้ารูปแบบนี้ได้
รู้จักส่งออกออนไลน์
บ้านเราสามารถส่งสินค้าออกได้เกือบทุกประเภท แต่ที่สำคัญคือต้องรู้เสียก่อนว่าจุดหมายปลายทางที่ต้องการจะส่งไปเป็นที่ใด เพราะแต่ละที่ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป วิธีการส่งออกในปัจจุบันนี้มีการส่งออกรูปแบบใหม่แทนที่จะต้องเดินทางไปขายเองก็สามารถอาศัยช่องทางออนไลน์ที่จะทำให้ส่งสินค้าไปขายได้ง่ายมากขึ้น ช่องทางออนไลน์ที่ว่านี้ก็คือเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนมากยังขายกันในแบบ B2B ในแต่ละประเทศก็จะมีมาร์เก็ตเพลสของตนเอง มีทั้งที่เปิดแบบฟรีและเสียเงิน เว็บไซต์ที่เป็นมาร์เก็ตเพลสนั้นจะแบ่งออกเป็น
แบบแรก คือเป็นระดับประเทศหรือ Country base เอาสินค้าหรือบริการไปลิสต์ขายเองได้ เช่น ที่อินเดียจะมี India Mart บราซิลจะมี BrazilB2B จีนก็มี Alibaba หรือจะเป็น Global Sources ที่เป็นมาร์เก็ตเพลสระดับโลกเลยก็ได้ ฯลฯ
แบบที่สอง มาร์เก็ตเพลสที่เป็นระดับอุตสาหกรรมหรือ Vertical base หรือ Industry base เช่น vertical base ที่รวมอุตสาหกรรมขายอาหาร ขายเนื้อสัตว์ ขายสินค้าเกษตรเพียงอย่างเดียว หรือเป็นการขายสินค้าจากโรงงานอุตสาหกรรมโดยตรง
ผู้ประกอบการควรที่จะนำสินค้าไปลองลิสต์ไว้เพราะจะเหมือนเป็นการไปสร้างออนไลน์แคตตาล็อกไว้ที่มาร์เก็ตเพลสของประเทศต่างๆ นั่นเอง การที่สามารถเอาสินค้าของตนไปวางไว้ในมาร์เก็ตเพลสเหล่านี้ได้มากเท่าไหรก็เท่ากับการได้เราได้เปิดสาขามากขึ้นเท่านั้น
อยากส่งออกออนไลน์เริ่มต้นอย่างไร
สำหรับผู้ที่สนใจอาจเริ่มต้นศึกษากันก่อนในมาร์เก็ตเพลสของไทยเราเองอย่าง Thaitrade.com หรือจะลองไปลิสต์ขายในมาร์เก็ตเพลสของต่างประเทศเลยก็ย่อมได้ สำหรับวิธีการง่ายๆ ที่จะค้นหามาร์เก็ตเพลสออนไลน์คือ
1. แบบ Country base อยากก็ค้นด้วย ‘ชื่อประเทศพร้อมคำว่า B2B marketplaces’ เช่น India B2B marketplace ก็จะพบเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสที่เป็น B2B ซึ่งส่วนใหญ่เราจะสามารถสร้างแคตตาล็อกได้
2. แบบ Virtical base ก็คล้ายๆ กันคือเอา ‘ชื่อของอุตสาหกรรม + B2B marketplaces’ เช่น Food B2B marketplace ก็จะพบในสิ่งที่ค้นหา นอกจากนั้นแล้วข้อดีของมาร์เก็ตเพลสแบบ virtical คือจะได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นตลาดเฉพาะหรือเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ (niche market) อีกด้วย
สิ่งที่เราจะได้รับกลับมาหลังจากที่เราได้ลองไปลิสต์สินค้าแล้วคือจะได้เห็นหรือเรียนรู้วิธีของคู่แข่งหรือคนที่ทำธุรกิจแบบเดียวกันที่เป็นระดับโลก ทำให้เราสามารถที่จะนำกลับมาพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
เตรียมพร้อมก่อนส่งออกออนไลน์
ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง คือสิ่งที่ควรต้องทำเป็นประการแรก ต้องสร้างทีมที่จะโฟกัสเรื่องของ online trading จริงจัง ทำหน้าที่เสมือนเป็น virtual sales ที่สามารถไปเปิดร้านค้าให้กับธุรกิจของเราได้ทั่วโลก
สร้างแคตตาล็อกที่ดี น่าสนใจ และดึงดูดคนได้จริง ต้องให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ทางธุรกิจและความน่าเชื่อถือขององค์กร โดยในแคตตาล็อกนั้นต้องมีข้อมูลรายละเอียดสำคัญๆ เกี่ยวกับธุรกิจว่าเราเป็นใคร ระยะเวลาที่ดำเนินกิจการนานเท่าใด ได้รับมาตรฐานใดบ้าง รายละเอียดของสินค้าที่ผลิต ฯลฯ
วางแผนทำมาร์เก็ตติ้ง เป็นส่วนสำคัญที่ต้องทำหลังทันทีจากได้เตรียมการต่างๆ ข้างต้นแล้ว ต้องวางแผนว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้เกิดการซื้อสินค้า โดยอาจใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น email marketing การซื้อโฆษณาแบนเนอร์ต่างๆ หรือในกลุ่มที่เป็น Global Management อาจต้องใช้ social network อย่าง LinkedIn ในการติดต่อ กลยุทธ์ที่ใช้กับกลุ่มลูกค้า B2B อาจแตกต่างจาก B2C มากแต่บางอย่างก็สามารถนำมาใช้ด้วยได้
สำหรับคนที่เคยทำธุรกิจออนไลน์มาแล้วอาจดูเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกเหนือไปจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นก็คือ ‘การลงมือทำ’ และประการสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือการกำหนด KPI ซึ่งก็เป็นเหมือนการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้นนั่นเอง
คอมพิวเตอร์ควอนตัมคืออะไร ส่งผลกับโลกของเรายังไง?
253 week ago
มาทำความเข้าใจกับยุค Crowd-based Capitalism
253 week ago
Most read this week
Trending
Comments
Please login หรือ สมัครสมาชิก to join the discussion