304 week ago — ใช้เวลาอ่าน 3 นาที
เมื่อช่วงก่อนหน้านี้ขายของแบบออนไลน์อาจจะบูมมาก จนธุรกิจแบบดั้งเดิมที่มีหน้าร้านหรือแบบออฟไลน์พากันล้มหายตายจากกันไปเยอะ แต่วันนี้ต้องบอกว่าแค่ออนไลน์อย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว ต้องใช้การผสมผสานทั้งสองทางเข้าด้วยกันจึงจะอยู่รอด
เพราะอะไร? คำตอบก็เป็นไปตามหลัก Demand – Supply ของราคาสื่อ เมื่อก่อนหน้านี้ที่กระแสของสื่อดิจิทัลบูมมาก ๆ ทุกคนต่างหันมาทุ่มงบทำตลาดแบบออนไลน์กันเป็นทิวแถว แน่นอนย่อมส่งผลให้ราคาของสื่อโฆษณาดิจิทัลโดยเฉพาะในเฟซบุ๊กมีราคาสูงขึ้น แต่วันนี้ไม่ใช่แล้วแม้อัตราการเติบโตของสื่อดิจิทัลโตต่อเนื่อง 20% ทุกปี แต่สื่อเดิมอย่างโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อนอกบ้านเริ่มมีอัตราการเติบโตที่คงที่ไม่ลดลงแบบน่าตกใจแบบเมื่อ 3-4 ปีก่อน เป็นสัญญาณว่าสื่อเดิมจะเริ่มกลับมามีอิทธิพลมากขึ้นบ้างแล้ว แต่คงเป็นไปในลักษณะที่ต้องใช้ทั้ง 2 สื่อร่วมกันอย่างสมดุล
ในปี 2019 คาดการณ์ว่าจะมีการใช้สื่อทั้ง Online และ Offline แบบผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จากการปรับตัวของแบรนด์ต่าง ๆ จนสามารถหาความสมดุลในการวางแผนสื่อที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายได้ การใช้สื่ออย่างสมดุลจึงเป็นคำตอบที่ลงตัวในเวลานี้
การผสมผสานของทั้งสองสื่อนั้นมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าง Amazon ที่เคยได้ช่วงชิงยอดขายจากตลาดออฟไลน์หรือมา Disrupt ธุรกิจต่างๆ มาก่อน ณ เวลานี้กลับมาทำตลาดแบบมีหน้าร้านซะเอง และยังมียอดขายจำนวนมากอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีอีหลายแบรนด์ที่มาเปิดหน้าร้านเพื่อเพิ่มช่องทางในการขายให้มากขึ้น โดยได้พยายามหาโซลูชั่นมาปิดช่องว่างที่เกิดบนออนไลน์
การนำประโยชน์หรือข้อดีของออนไลน์และหน้าร้านมาใช้ควบคู่กันสามารถสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างน้อยก็เป็นการใช้พื้นที่แต่น้อยสร้างยอดขายได้มากกว่าแบบเดิม เพราะให้หน้าร้านเป็นเพียงดิสเพลย์และสถานที่ทดลองสินค้าจึงไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้าจำนวนมากเอาไว้ อาศัยวิธีการสั่งซื้อและขนส่งแบบออนไลน์ ลดต้นทุนค่าสถานที่ตั้งและการสต๊อกสินค้าได้อย่างมาก แต่สิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นมาก็คือประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า ความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า และความภักดีที่จะเกิดขึ้นตามมา
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยนั่นก็คือคุณภาพของสินค้าที่ต้องสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่จะต้องทราบเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ต้องรู้จักตัวเอง รู้ปัญหา และทางแก้ไข ปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญรองลงมาก็เช่น ลูกค้า ช่องทางกระจายสินค้า ฯลฯ ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานโดยอาจอาศัยระบบออนไลน์ในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปพัฒนาคุณภาพสินค้าและทำการตลาดต่อไป และต้องไม่ลืมเรื่องของความสมดุลที่กล่าวไปข้างต้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ขายของ Offline – Online อย่างไรให้ให้สมดุล
1. ราคา ตั้งราคาให้ดึงดูดลูกค้ามากกว่าในท้องตลาด (ออนไลน์ได้เปรียบด้วยมีต้นทุนที่น้อยกว่าหน้าร้าน)
2. คุณภาพ ทุกขั้นตอนการผลิตต้องได้มาตรฐาน ตั้งแต่หน้าโรงงานจนถึงมือลูกค้า (ถ้าสินค้าไม่มีคุณภาพโลกโซเชียลบี้เละแน่ๆ)
3. เวลา รอให้ธุรกิจปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมของผู้บริโภค
4. ใช้สื่อออนไลน์ เสนอข่าวสาร รับฟังความเห็นของลูกค้า
5. การตลาดแบบเดิมผสานเทคโนโลยี ด้วยหลัก 4P+2P (Product / Price / Place / Promotion + Personalization / Privacy)
Most read this week
Trending
Comments
Please login หรือ สมัครสมาชิก to join the discussion