สร้าง Brand Awareness และ Conversion ให้กับธุรกิจไปพร้อมกัน

การสร้างแบรนด์และประชาสัมพันธ์

GlobalLinker Staff

252 week ago — ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

 

ในยุคปัจจุบัน ที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกพื้นที่ และผู้บริโภคใช้เวลาไปกับสมาร์ทโฟน มากกว่าทีวี เมื่อพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป การทำการตลาดออฟไลน์แบบเดิม ๆ ไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้แล้ว แบรนด์น้อยใหญ่จึงต้องปรับตัว หันมาทำการตลาดออนไลน์กันมากขึ้น เพราะนอกจากจะมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ประหยัดกว่าเดิม ยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วแพร่หลายในระยะเวลาที่สั้น

 

แต่ในการทำแคมเปญโฆษณาออนไลน์นั้น ก็ต้องมีการวางแผนที่ดีเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการสร้าง Awareness ให้คนรู้จักแบรนด์อย่างเดียว แต่ต้องนำไปสู่การเก็บ Conversion ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการหา Lead หรือข้อมูลของลูกค้าที่สนใจ เพื่อให้ฝ่ายขายติดต่อกลับไปปิดการขาย หรือได้ Sales ในท้ายที่สุด เพราะการสร้าง Awareness หรือเน้นสร้างแบรนด์อย่างเดียวแต่ขายไม่ได้ ธุรกิจก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไรให้ได้ Awareness และ conversion ไปพร้อม ๆ กัน

 

การสร้าง Brand Awareness ให้ได้ Conversion

 

หลายคนเข้าใจว่าในการทำการตลาด Awareness กับ Conversion เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นต่างช่วงเวลา ต้องแบ่งเป็นขั้นตอนเหมือน Marketing Funnel คือเริ่มจากฐานหรือการสร้าง Awareness ก่อน เช่น การทำ Content ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์และสินค้า แล้วถึงจะทำ Content อีกอันนึงตามไป เพื่อให้เกิด Conversion หรือการขายตามมาทีหลัง

 

แต่ในการทำธุรกิจในยุคดิจิตัลนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การสร้าง Awareness กับ Conversion อาจห่างกันเพียงไม่กี่วินาที ประกอบกับผู้ประกอบการรายย่อยอาจจะไม่ได้มีเวลาทำตามขั้นตอนได้ขนาดนั้น เพราะการทำธุรกิจก็มีค่าใช้จ่ายอยู่ตลอดเวลา ทำอย่างไรให้ Awareness กับ Conversion สามารถอยู่รวมใน Content เดียวกันได้

 

    สร้าง Content ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง Content ที่นำเสนอสินค้าและบริการ จะไม่มีผลกับกลุ่มเป้าหมายเท่าที่ควร หากไม่ได้ทำให้พวกเขาเห็นว่ามันเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างไรกับพวกเขา เราต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นภาพได้ชัดที่สุดว่า สินค้าและบริการของเราเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา และจะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร ฉะนั้นในการสร้าง Content ของแบรนด์ขึ้นมานั้น เราจะโฟกัสไปที่ Benefit ที่ผู้บริโภคจะได้รับ มากกว่าฟีเจอร์ที่สินค้ามี ตัวอย่างเช่น “สมาร์ทโฟน ยี่ห้อ A มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh” กับ “สมาร์ทโฟน ยี่ห้อ A ช่วยให้คุณรับชมวิดีโออย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 5 ชั่วโมง” จะเห็นว่าอย่างหลังนำเสนอสินค้าว่าให้ประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายอย่างไร จาก Insight ที่กลุ่มเป้าหมายต้องการสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่อึดและทน สามารถใช้งานได้นาน

 

    นำเสนอแบรนด์อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ลูกค้าเห็นภาพที่ชัดเจน เมื่อเราเขียนโฆษณาถึงแบรนด์ของเรา เช่น “เราเป็นแบรนด์ที่ให้บริการดีที่สุด” หรือ “เราตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่สุด” เมื่อลูกค้าอ่านแล้วก็คงไม่เห็นความแตกต่างอะไรระหว่างแบรนด์เรากับแบรนด์อื่น เพราะข้อความนี้เป็นข้อความขายของทั่ว ๆ ไป และยังไม่ทำให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจนว่าแบรนด์ของเรามีดีอย่างไร ทำไมถึงต้องใช้แบรนด์เรา ลองเปลี่ยนข้อความเป็น “เราเป็นแบรนด์ที่ให้บริการดีที่สุด ที่ผู้ใช้กว่า 500,000 คนพึงพอใจและบอกต่อ” หรือการมีรางวัลหรือตัวเลขมาการันตี ก็จะทำให้ลูกค้าเห็นภาพได้มากขึ้น และดูจับต้องได้มากขึ้น

 

    สร้าง Call to Action เป็นตัวช่วย Lead ลูกค้า เช่น ในการสร้างโพสต์โฆษณาบน Facebook Ad Manager มีปุ่ม Call to action หลากหลายแบบให้เลือกใช้ เช่น Call Now, Message Now หรือ Shop Now และทันทีที่กลุ่มเป้าหมายเห็นมัน ก็จะได้ทั้งข้อมูลและนำไปสู่ Conversion ได้ทันที

 

    ทำ Remarketing หากว่าเรามีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว เราสามารถใช้ฐานลูกค้าที่มีเป็นกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณาเมื่อเราออกสินค้าใหม่ได้ ทำให้เราไม่ต้องเริ่มใหม่จาก 0 เพราะคนกลุ่มนี้มี Awareness กับแบรนด์ของเราอยู่แล้ว

 

เป้าหมายของการทำการตลาดก็คือ Conversion อย่างใดอย่างหนึ่ง และในยุคนี้ก็มีเครื่องมือหลากหลายให้เลือกใช้ ที่เราจะสามารถสร้างทั้ง Awareness และ Conversion ไปพร้อมกันโดยไม่ให้เสียเวลา

 

 

โพสต์โดย

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Content Team

GlobalLinker Thailand / Bangkok, Thailand

บทความแนะนำสำหรับท่าน

แรงบันดาลใจสำหรับ SME

GlobalLinker Thailand - ใครๆ ก็ลิงก์ แล้วคุณล่ะ?