ปัจจุบันในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจแบบพลวัตเช่นนี้ Big Data คือโอกาสในการเติบโตของบริษัทที่สามารถใช้ประโยชน์จากรูปแบบพฤติกรรมของผู้บริโภคได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันความพร้อมในการใช้งานข้อมูลจำนวนมากนี้ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในเครือข่ายธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลของ MGI และ McKinsey's Business Technology Office การวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Big Data กลายเป็นเครื่องมือในการแข่งขันซึ่งเป็นฐานรากที่เป็นคลื่นลูกใหม่ของการผลิต นวัตกรรม และส่วนเกินผู้บริโภค

การศึกษาของ Mckinsey ชิ้นเดียวกันนี้ยังคาดว่าผู้ค้าปลีกที่ใช้ Big Data จะสามารถเพิ่มมาร์จิ้นได้ประมาณ 60% Big Data ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กรอย่างมีนัยสำคัญต่อ HR การปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับลูกค้าและการทำงานเป็นทีมสามารถตรวจสอบได้ และยังช่วยแยกประเภทและชี้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น Big Data สามารถใช้เพื่อทดลองและทดสอบสมมติฐานแบบที่ไม่แพงและอาจให้ผลตอบแทนที่มหาศาล

มีวิธีใดบ้างที่สามารถใช้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ได้ คำตอบคือ - มีในหลายๆ วิธี! อุตสาหกรรมบริการใช้ big data เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ในขณะที่อุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างผลกำไร สายการบินปรับกลยุทธ์ด้านราคาทุกวันโดยอิงตามการวิเคราะห์จาก big data ธนาคารเพิ่มในด้านการสร้างความพึงพอใจของลูกค้า ผู้ค้าปลีกเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องห่วงโซ่อุปทานของตนเพื่อหาปริมาณสินค้าคงคลังให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในตลาด ข้อมูลจากเทคโนโลยีอย่างเซ็นเซอร์ที่ส่งมาพร้อมกับสินค้านั้นสามารถใช้เพื่อประเมินสภาพสินค้าและปรับปรุงในด้านการจัดส่งได้

เมื่อพูดถึง SMEs มีงานวิจัยและการตลาดได้ตีพิมพ์รายงานฉบับหนึ่งที่คาดการณ์ว่าการใช้ big data ของ SMEs จะเป็นไปตาม CAGR (อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี) อยู่ที่ 43% ในปี 2018 โมเมนตัมส่วนใหญ่กำลังถูกสร้างขึ้นเพื่อรวม Data Analytics เข้ากับการดำเนินงานโดย SMEs และการลงทุน เพื่อให้ Big Data จะยังคงดำเนินต่อไป Big Data ช่วยในการตัดสินใจให้เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น เช่น กำหนดและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงราคา ทำความเข้าใจตลาด การเริ่มต้นทำแคมเปญ เป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรม และทำโปรไฟล์ลูกค้าในแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

ตอนนี้หากธุรกิจได้มีการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้ว คำถามแรกที่เกิดขึ้นคือ - จะป้องกันข้อมูลที่มีค่านี้ได้อย่างไร โดยต้องคำนึงถึงข้อบังคับต่างๆ และความคุ้มทุนของการทำงานในส่วนของไอทีที่จำเป็นภายในองค์กร? Big Data อาจมีช่องโหว่ในเรื่องของความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลในบางธุรกิจ เช่น สุขภาพ การศึกษาและการเงิน เมื่อข้อมูลจำนวนมากถูกรวบรวม จัดเก็บ วิเคราะห์ และถูกรายงาน ความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ตามการสำรวจทั่วโลกที่ดำเนินการโดย Avanade การทะลักเข้ามาของข้อมูล Big Data ทำให้เกิดความกดดันต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที โดย 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่าเป็นปัญหาของการชะลอตัวของระบบไอที และ 47% ว่าเป็นปัญหาด้านความปลอดภัยข้อมูล “87% ของบริษัทที่เกิดมีข้อมูลรั่วออกไปจากธุรกิจภายในหนึ่งปี” เป็นข้อมูลสถิติจากการศึกษาของกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งตั้งอยู่ในรัฐคอนเนตทิคัตในสหรัฐอเมริกา

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นทำงานบนพื้นฐานของรายได้ที่เติบโตและการป้องกันความสูญเสีย ธุรกิจต่างๆ ประสบปัญหาอย่างมากเมื่อทั้งสองอย่างได้รับผลกระทบ ความล้มเหลวหรือความสำเร็จของบริษัท เป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของเครือข่าย และความสามารถในการป้องกันมิให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูล การรั่วไหลของข้อมูลทำให้เกิดทั้งการสูญเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์และการสูญเสียชื่อเสียง สามารถทำให้ถูกลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมปฏิเสธอย่างง่ายดายหากสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว ในทางกลับกันอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทและผลกำไรสูงสุด ปัจจุบันมีบริษัทหรือผู้ที่ให้บริการดูแลรักษาความปลอดภัยข้อมูลองค์กรและป้องกันภัยจากอินเทอร์เน็ต MSSPs (Managed Security Service Providers) ที่มีโซลูชั่นจัดการข้อมูลเชิงกลยุทธ์ที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ให้สูงขึ้น ตรงตามการตรวจสอบและข้อบังคับทางอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงต่อภัยคุกคามด้านความปลอดภัยแล้ว