เมื่อก่อนในสมัยรุ่นพ่อแม่ของเรา เราอาจจะคุ้นเคยกับการผูกอาหารปิ่นโตที่จะมาส่งเราตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะเป็น 3 มื้อหรือเฉพาะมื้อใดมื้อหนึ่งเท่านั้น วันเวลาผ่านไปเสียงกริ่งของรถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ที่ส่งสัญญาณว่า “อาหารที่คุณสั่งมาส่งแล้ว” นั้นค่อยๆ เลือนหายไป มาถึงยุคนี้ที่เริ่มมีการบริการส่งอาหารตามสั่งกลับมาแล้วพร้อมรูปแบบที่สะดวกกว่า ง่ายกว่า รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

เทรนด์การขายอาหารออนไลน์ดูจะเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจมากเทรนด์หนึ่ง เพราะอย่างไรแล้วทุกคนก็ต้องกินอาหารกันอยู่ทุกวัน ยิ่งถ้าสามารถสั่งได้ด้วยปลายนิ้ว สั่งที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ แบบนี้ยิ่งตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างมาก ทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจใหญ่ๆ เท่านั้นที่จะสามารถมีบริการส่งอาหารถึงบ้านได้ ธุรกิจ SME เล็กๆ ก็สามารถทำได้แล้วเช่นกัน เนื่องจากมีธุรกิจอื่นๆ มาช่วยเสริมการให้บริการ เช่น บริษัทขนส่ง บริษัทจัดหาวัตถุดิบ ฯลฯ ที่ผุดขึ้นมามากมาย หากใครคิดจะลองลงสนามนี้ดูก็น่าสนใจไม่น้อย

นอกจากการที่ต้องรู้ก่อนว่าเราถนัดที่จะสร้างสรรค์อาหารประเภทไหน จานไหนจานเด็ด เมนูของเรามีอะไรบ้าง ตลาดของเราเป็นกลุ่มไหน ตั้งราคาเท่าไหร่ดี ต้องไม่ลืมเรื่องของทีมงาน และสำรวจแหล่งวัตถุดิบ สุดท้ายเรื่องคงเป็นเรื่องของการประชาสัมพันธ์ที่ต้องอาศัยช่องทางออนไลน์มาช่วย

ทำครัวออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียยังไงให้รวย

จะขายอาหารออนไลน์คงต้องมีเพจหรือสมัครช่องทางโซเชียลมีเดียตามที่เราถนัดคุ้นเคยเสียก่อน แล้วพิจารณาถึงความพร้อมต่างๆ ของเราให้ได้มากที่สุดเพื่อรับมือกับสนามรบแห่งนี้

1. ภาพชวนชิม สิ่งสำคัญประการแรกในการขายอาหารผ่านช่องทางออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียก็คือ ต้องอาศัยภาพสวย น่ากิน เรียกว่ายั่วน้ำลายได้ ข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญแรกๆ สำหรับการขายของออนไลน์ ควรต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นการใช้กล้องคุณภาพดี การถ่ายภาพแอปพลิเคชันดีๆ การจัดวางให้ดูดี รวมไปถึงความหลากหลายของเมนูที่มี พลังของภาพถ่ายสวยๆ จะช่วยนำลูกค้ามาหาเราได้ไม่ยาก

2. ช่องทางการสั่งซื้อสะดวก เมื่อลูกค้าเห็นรายการอาหารของเราแล้วเกิดอยากสั่งขึ้นมา จำเป็นต้องมีช่องทางในการสั่งอาหารที่สะดวกทุกช่องทางทั้งทางโทรศัพท์และการแชทบนโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะ messenger, line, instagram หรือตามโซเชียลมีเดียที่เรามี ควรต้องมีผู้ดูแลการรับออเดอร์และครัวที่รับผิดชอบที่แน่นอน อาจเป็นผู้ดูแลโซเชียลมีเดียเองก็ได้ เพราะจำเป็นต้องตอบคำถามออนไลน์อยู่แล้ว

3. คุณภาพสมราคา นอกจากภาพสวยแล้ว ราคาที่ตั้งไว้ควรที่จะต้องสมเหตุสมผล ราคารับได้ เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ แล้วสั่งกับเรานั้นคุ้มค่าเงิน หรือหากคิดว่าอาหารของเรานั้นเกรดพรีเมี่ยม ราคาก็อาจจะไม่ใช่สิ่งสำคัญ อาหารต้องมีคุณภาพดีจริง รสชาติต้องเยี่ยมยอด ของดีจริงยังไงก็ขายได้แน่นอน

4. มีเมนูพิเศษ เมนูพิเศษที่หากินยาก หรือเรียกว่ามีเฉพาะที่เราที่เดียวนั้น ก็เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าออนไลน์ได้ดี เพราะความที่หากินยากนี่แหละหากมีการสั่งออนไลน์ได้ จะถือว่าเป็นความพิเศษเฉพาะร้านเรา

5. กิจกรรมเคลื่อนไหวตลอด การมีกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียให้ลูกค้าได้ร่วมสนุก กดไลค์ กดแชร์ หรือร่วมแสดงความคิดเห็นอยู่เป็นประจำ จะช่วยสร้างความคุ้นเคย การจดจำ กระตุ้นการเข้าถึงได้มากขึ้น ยิ่งมีกิจกรรมประเภทแจกของรางวัลบ้างเป็นครั้งคราว แฟนเพจของเราน่าจะชอบและให้ความสนใจมากขึ้นกว่าปกติ (รางวัลอาจจะเป็นจานพิเศษของร้านเราเองเพื่อให้ลูกค้าได้ลองชิมอาหารของเราจริงๆ และช่วยรีวิวจะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือได้อย่างดี)

6. แอปพลิเคชันอำนวยความสะดวก หากมีแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเข้ามารองรับในเรื่องการสั่งอาหารให้ง่ายขึ้นด้วยแล้วละก็ จะยิ่งทำให้ร้านอาหารของคุณได้รับความสนใจมากขึ้น ถูกใช้บริการมากขึ้น เพราะลูกค้าไม่ต้องไปค้นหาจากที่ไหน สามารถกดสั่งอาหารและชำระเงินได้เลยทันที หากสามารถอัปเดตเรื่องของขั้นตอนต่างๆ ในการผลิต และการขนส่งได้จะยิ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงมั่นใจมากขึ้นไปอีก

7. มีเครือข่ายขนส่ง นี่คือสิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะการสั่งอาหารออนไลน์ในวันนี้ต้องอิงคอนเซปต์ที่ว่า “เห็นตอนนี้ ต้องได้กินวันนี้” กันแล้ว วันนี้มีผู้ให้บริการขนส่งที่ได้รับความนิยมเกิดขึ้นมากมาย สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม ค่าบริการอาจรวมไปกับต้นทุน หรือลูกค้าอาจเป็นผู้จ่ายค่าบริการเอง หากมีระยะทางที่ไกลเกินไปอาจต้องอาศัยการบริการของรถสาธารณะหรือส่งทางเครื่องบินซึ่งต้องคิดขนส่งและค่าบริการตามจริง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดในธุรกิจอาหารก็คงไม่พ้นเรื่องของ “รสชาติ” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด จำเป็นต้องรักษามาตรฐานของรสชาติไว้ให้ได้คงเดิมตลอดเวลา แม้ว่าจะมีกลยุทธ์ทางการตลาดนับร้อยพัน แต่หากสอบตกในเรื่องของรสชาติแล้วละก็ ธุรกิจก็อาจจะเป็นแค่คลื่นลูกใหญ่ลูกหนึ่งที่ซัดเข้าหาดทรายแล้วก็หายไปในพริบตาก็ได้