320 week ago — ใช้เวลาอ่าน 7 นาที
Landing Page คือหน้าเว็บไซต์หน้าหนึ่งที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับวัตถุประสงค์ในการทำการตลาดหรือโฆษณา เปรียบเสมือนรันเวย์สำหรับเครื่องบินลงจอดหรือประตูหน้าร้านที่ลูกค้าจะเปิดเข้ามาในร้าน โดยกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาชมจะมาจากการคลิกสื่อโฆษณาของเรา เช่น จาก Google AdWords จากเว็บไซต์อื่น ๆ จากช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หรือลิงค์ที่มาจากอีเมล โดยในหน้าเพจจะมีลิงค์เชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บไซต์หลักของผลิตภัณฑ์/บริการโดยตรงหรือไม่ก็ได้ (ในกรณีที่ต้องการปิดการขายทั้งหมดในหน้านี้เลยอาจไม่มีลิงค์ไปที่เว็บไซต์หลัก) หน้า Landing Page มักถูกออกแบบโดยให้มีจุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวคือการพยายามทำให้ผู้ที่คลิกเข้ามาตอบสนองต่อข้อเสนอของเราหรือที่เรียกกันว่า Call-to-Action (CTA) นั่นเอง
ในการออกแบบหน้า Landing Page ควรให้ความสำคัญกับเรื่องของการใช้งานที่ควรเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เรียกว่าต้องเป็นมิตรกับผู้ที่เข้ามาชมซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่ม Conversion rate ของแคมเปญโฆษณาให้ได้มากยิ่งขึ้น และโดยเฉพาะ CTA ควรกำหนดให้มีอยู่เพียงตำแหน่งเดียวจะดีกว่าเพื่อมิให้เกิดความสับสน แต่หากต้องการเพิ่มทางเลือกสำหรับในกรณีที่กลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่แน่ใจหรือยังไม่พร้อมต่อการตอบสนองต่อข้อเสนออาจเลือกใช้วิธีให้ติดตามจากช่องทางโซเชียลมีเดียหรือรับข่าวสารจากเว็บไซต์หรืออีเมลได้เช่นเดียวกัน
ข้อมูลต่าง ๆ ที่จะปรากฏในหน้า Landing Page ควรเลือกที่จะนำเสนอถึงประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับดีกว่ามุ่งเน้นที่จะแสดงคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ควรเน้นไปที่ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้เมื่อตอบรับข้อเสนอ ต้องทำให้เห็นว่าข้อเสนอของคุณจะช่วยปรับปรุงชีวิตของลูกค้าให้ดีขึ้นอย่างไร
#ของมันต้องมี เมื่อจะทำ Landing Page
Headline ดึงดูดความสนใจ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่ต้องพาดหัวเรื่องด้วยข้อความที่เรียกว่าสามารถตีหัวเข้าบ้านได้ ต้องเลือกใช้คำที่ทำให้ Headline สามารถเรียกลูกค้าได้ทันทีในชั่วพริบตาคือต้องดึงดูดความสนใจให้ได้ใน 3-5 วินาที เพราะเป็นระยะเวลาที่จะตัดสินว่ากลุ่มเป้าหมายที่คลิกเข้ามาอ่านข้อความจะอยู่ในหน้าเพจต่อหรือไม่ นั่นคือเมื่อคนได้อ่านหัวเรื่องปุ๊บต้องรู้สึกว่าอยากรู้ข้อมูลมากขึ้น อยากติดตามข้อมูลเพิ่มเติม อยากใช้เวลาอยู่ในหน้าเพจต่อไปนาน ๆ
ในส่วนของเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอต้องแสดงข้อมูลที่ชัดเจน ตรงประเด็น โน้มน้าวและสามารถกระตุ้นการตัดสินใจได้อย่างเป็นอย่างดี การโน้มน้าวใจด้วยการสร้าง “ความจำกัด” เช่น ในเรื่องของการจำกัดของช่วงเวลา หรือการใช้คำว่า เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการสำรวจพบว่าคำที่มีผลต่อการตัดสินใจของคนที่เข้ามาอ่านคือคำเหล่านี้คือ “คุณ / ฟรี / เดี๋ยวนี้ / เพราะ” ซึ่งจะสามารถโน้มน้าวรวมถึงกระตุ้นการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี
CTA โดดเด่นสะดุดตา สีของปุ่ม Call-to-Action หรือ CTA ควรเลือกใช้สีที่ตัดกันหรือเป็นสีตรงข้ามกับสีพื้นหลังของหน้า Landing Page และควรออกแบบให้มีขนาดใหญ่ มองเห็นเด่นชัด และใช้ข้อความที่เข้าใจง่าย สื่อได้ชัดเจนว่าต้องการให้กลุ่มเป้าหมายทำอะไร เช่น ช็อปเลย หยิบลงตะกร้า ลงทะเบียน สมัครสมาชิก ฯลฯ เชื่อหรือไม่เพียงแค่เปลี่ยนสีและขนาดของปุ่ม CTA ก็สามารถเพิ่มยอดขายขึ้นได้ถึง 35%
มีเส้นทางเดียวเท่านั้น ถ้าคุณต้องการให้กลุ่มเป้าหมายกลายเป็นลูกค้าหรือตอบสนองต่อข้อเสนอของคุณต้องไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาออกไปจากหน้า Landing Page เพราะหากไม่มีเมนูนำทางหรือมีลิงค์ไปยังที่อื่นใด กลุ่มเป้าหมายก็มีแนวโน้มที่จะรับข้อเสนอหรือตอบสนองต่อตัวเลือกที่คลิกได้เท่านั้น เช่น การกรอกแบบฟอร์ม การตอบรับจดหมายข่าว การตัดสินใจซื้อ
ใช้ภาพและวิดีโอช่วยเสริม ในหน้า Landing Page ไม่จำเป็นแต่ที่จะต้องสื่อสารด้วยข้อความเท่านั้น การใช้ภาพและวิดีโอที่เกี่ยวข้องจะยิ่งช่วยเพิ่ม Conversion ได้มากถึง 80% เพราะสมองของมนุษย์นั้นสามารถประมวลภาพได้อย่างรวดเร็ว การที่มีภาพหรือวิดีโอทำให้สื่อสารถึงสิ่งที่ต้องการนำเสนอได้ดีกว่าหรืออาจเป็นการสนับสนุนเนื้อหาหรือ Headline ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ทั้งนี้รูปที่เลือกมา ควรเลือกรูปที่เป็นฮีโร่ชอต ต้องแสดงเอกลักษณ์ธุรกิจของคุณและสื่อสารในสิ่งที่คุณทำในทันที ควรมีความคมชัดสูง และถ่ายให้สวยงาม เพื่อให้เกิดความประทับใจและสร้างประสบการณ์ที่ดีกับรูปนั้น ๆ
Bullet Point ช่วยให้เข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน หน้า Landing Page ของคุณควรมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่งเท่านั้นพอ จึงควรทำให้มีความเรียบง่ายที่สุด การใส่ข้อมูลจำนวนมากเกินไปหรือเป็นข้อความยาว ๆ เรียงกันเป็นพืดจะลดความน่าสนใจลงไป เพราะผู้อ่านอาจเกิดอาการเมื่อยล้าสายตาได้อย่างรวดเร็ว การนำเสนอประโยชน์หรือเหตุผลในการใช้สินค้าและบริการชัดเจน ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายไม่เสียเวลาในการหาข้อมูลเหล่านี้ ลองเอาข้อมูลเหล่านี้มาทำการเรียงเป็นหัวข้อต่าง ๆ ให้กระชับ ได้ใจความ โดยใส่จุดหรือ Bullet Point จะช่วยทำให้ง่ายต่อการอ่านและยังช่วยให้สามารถเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจดำเนินการได้ทันที
ข้อมูลที่ขอต้องพอดีกับประโยชน์ที่ให้ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับ CTA อีกอย่างก็คือแบบฟอร์มที่สร้างขึ้นในหน้า Landing Page จำนวนฟิลด์ที่ต้องกรอกในแบบฟอร์มต้องสัมพันธ์กับสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ ปริมาณข้อมูลที่จะขอนั้นควรขอเพียงสิ่งที่ต้องการ หากลูกค้าได้รับประโยชน์เพียงอย่างเดียว เช่น จดหมายข่าว โปรโมชั่น ฯลฯ ก็อาจเพียงแค่ให้ระบุชื่อและอีเมลเท่านั้น แต่หากสิ่งที่ลูกค้าจะได้มีมูลค่ามากขึ้น เช่น สามารถดาวน์โหลด e-book ลงทะเบียนสัมมนา หรือได้รับผลิตภัณฑ์ขนาดทดลอง ฯลฯ ก็อาจขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือเพิ่มจำนวนฟิลด์ที่ต้องกรอกมากขึ้นทั้งนี้อาจขอที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อาชีพ ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ เท่าที่จำเป็นเพิ่มเติมได้ แต่ขอเตือนว่าทุก ๆ ฟิลด์ที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะมีอัตราการละทิ้งถึง 1-2% ทีเดียว
แชร์บนโซเชียลมีเดียได้ แม้จะบอกว่าไม่ควรมีลิงค์อื่นที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายออกจากหน้า Landing Page ได้ แต่อย่างไรก็ตามควรต้องมีไอคอนที่สามารถแชร์หน้า Landing Page ของเราผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลได้ ควรตั้งค่าให้เป็นในลักษณะของการเปิดในแท็บหรือหน้าต่างใหม่ เพื่อว่ากลุ่มเป้าหมายจะได้ไม่ต้องออกจากหน้าเว็บ เพียงแค่ให้มีทางเลือกในการช่วยโปรโมตเท่านั้นพอ
Social Guarantee ถือว่าเป็นส่วนสำคัญไม่น้อย ปัจจุบันคนมักเชื่อในคำพูดของบุคคลที่สามมากขึ้น เพราะอย่างน้อยก็สามารถการันตีในคุณสมบัติของสินค้า/บริการให้น่าเชื่อถือ การมีรีวิวหรือคำรับรองจากบุคคลที่เคยได้ใช้สินค้า/บริการมาแล้วจะช่วยโน้มน้าวการตัดสินใจได้มากขึ้น และหากมีการรับรองจากคนหมู่มากหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงก็จะยิ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือได้อย่างมาก
ในส่วนสุดท้ายเรียกได้ว่าเป็นหน้าที่ของ Landing Page จริง ๆ ก็คือการส่งกลุ่มเป้าหมายไปยังปลายทางของเว็บไซต์ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจต่อไป เมื่อกลุ่มเป้าหมายต้องการข้อมูลในเชิงลึกหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องควรมีข้อมูลเหล่านั้นไว้บนเว็บไซต์ หรืออย่างน้อยอาจมีลิงค์ไปยังแหล่งข้อมูลที่สามารถยืนยันคำตอบได้
คอมพิวเตอร์ควอนตัมคืออะไร ส่งผลกับโลกของเรายังไง?
247 week ago
มาทำความเข้าใจกับยุค Crowd-based Capitalism
248 week ago
Most read this week
Trending
Comments
Please login หรือ สมัครสมาชิก to join the discussion