คนที่ทำธุรกิจทุกคนก็คงอยากที่จะขยายธุรกิจของตนให้เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การเพิ่มสาขา การขายแฟรนไชส์ ยิ่งเมื่อธุรกิจทำกำไรได้ดีก็คงอยากที่จะลงทุนเพิ่มและขยายฐานของธุรกิจให้กว้างออกไปและมีความมั่นคงยิ่งขึ้น บางธุรกิจที่มีเงินทุนเยอะหน่อยอาจจะมองหาพื้นที่ที่จะขยับขยายธุรกิจออกไปได้ไม่ยากนัก แต่ในบางธุรกิจอาจยังไม่สามารถทำได้ขนาดนั้นเพราะการขยายธุรกิจต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้น สิ่งที่ SME จะทำได้อาจไม่ใช่การขายเฟรนไชส์แบบเดิมๆ แต่เป็นการหา Partner เข้ามาร่วมทำธุรกิจนั่นเอง

การหาพาร์ทเนอร์เข้ามาช่วยในการขยายกิจการของ SMEs อีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจคือการสร้างเครือข่ายโดยการจับมือหรือการอาศัยสถานที่ของ SMEs ด้วยกัน เช่น ร้านกาแฟ ร้านเสริมความงาม สปา ร้านขายอุปกรณ์มือถือ ร้านขายยา ฯลฯ หรือหากเป็นไปได้ก็คือบรรดารีเทลขนาดใหญ่ที่มีสาขามากมายในการเพิ่มจุดการบริการของธุรกิจ

ยกตัวอย่างที่น่าสนใจอย่างธุรกิจรับเพ้นท์เล็บที่หากสามารถที่จะหาพาร์ทเนอร์เพื่ออาศัยสถานที่ในการตั้งวางอุปกรณ์เพื่อเพ้นท์เล็บของลูกค้า โดยจับมือกับธุรกิจประเภทความสวยความงาม เช่น ร้านเสริมสวย ร้านนวดเพื่อสุขภาพ สปา ฯลฯ ก็เสมือนกับเป็นการเพิ่มสาขาได้มากขึ้นแบบลงทุนน้อยกว่าการเปิดร้านเอง

การแบ่งรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์เจ้าของสถานที่อาจแบ่งเป็น 10-30% ของรายได้ทั้งหมดต่อเดือน ซึ่งเมื่อคิดว่าหากเราต้องเปิดสาขาเองทั้งหมด ค่าเช่าสถานที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นน่าจะสูงมากกว่าการอาศัยสถานที่จากพาร์ทเนอร์ที่ดูแล้วต่างก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

หรืออีกหนึ่งตัวอย่างธุรกิจที่มาแรงไม่น้อยนั่นคือธุรกิจจัดส่งพัสดุเร่งด่วนที่เราจะเริ่มเห็นว่ามีส่วนจุดบริการให้เห็นบ้างแล้วตามรีเทลใหญ่ที่มีสาขามากมาย เช่น แฟมิลี่มาร์ท ออฟฟิศเมท มินิบิ๊กซี ท็อปส์ ฯลฯ ซึ่งรีเทลเหล่านี้ถือว่าเป็นจุดที่สามารถให้บริการจัดส่งพัสดุเร่งด่วนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ลูกค้าสามารถมาใช้บริการได้ง่าย ที่สำคัญลงทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับการเปิดสาขาหรือการขายแฟรนไชส์แบบเดิมๆ

หรืออีกรูปแบบหนึ่งก็คือหากคุณทำธุรกิจขายกล้องวงจรปิดที่จำเป็นต้องมีการติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญ ซึ่งคุณอาจลดต้นทุนในส่วนของทีมช่างหรือทีมงานดูแลลูกค้าหลังการขาย โดยการมีพาร์ทเนอร์กับทีมช่างที่มีความสามารถในการติดตั้งในแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด โดยเสนอให้พาร์ทเนอร์คิดราคาติดตั้งมาบวกกับกำไรของคุณไปพร้อมกัน ถือว่าเป็นธุรกิจที่วิน-วินทั้งคู่

การมีพาร์ทเนอร์ที่เป็นในลักษณะ Outsource Service สามารถช่วยลดต้นทุนให้ได้ เป็นการสร้างเครือข่ายขยายการบริการออกไป ทำให้ไม่ต้องแบกรับภาระหรือความไม่ชำนาญในงานบางส่วนนั้นถือว่าเป็นโมเดลที่น่าสนใจในยุคนี้ การที่ต้องลงทุนเองทั้งหมดถือว่ามีความเสี่ยง หากสามารถเสริมทัพด้วยพาร์ทเนอร์ก็จะช่วยให้ธุรกิจแข็งแกร่งขึ้นได้ รู้อย่างนี้แล้วก็รีบดูเลยว่าธุรกิจของคุณน่าจะจับคู่กับธุรกิจใดได้บ้าง