ปรับสมดุลชีวิตและงาน - 9 เทคนิคพิชิตความเครียด

ปรับสมดุลชีวิตและงาน - 9 เทคนิคพิชิตความเครียด

สุขภาพและไลฟ์สไตล์

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

357 week ago — ใช้เวลาอ่าน 3 นาที

ผู้ประกอบการหลายคนมักเป็นพวกบ้างานและทุ่มเทชีวิตให้กับธุรกิจ พวกเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำจนมีเวลาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายน้อย นานวันเข้าอาจส่งผลให้เกิดความเครียด และโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดก็จะตามมา ซึ่งความเครียดนี่เองที่เป็นบ่อเกิดแห่งโรคต่างๆ

 

แล้วเราจะจัดการกับความเครียดที่มาพร้อมกับการบ้างานได้อย่างไร? นี่อาจจะเป็นวิธีที่จะรับมือง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพ

 

1. รู้เวลาทุ่มเท รู้เวลาหยุดพัก

ในทุกธุรกิจย่อมต้องมีช่วงเวลาความยุ่งวุ่นวายและบางทีก็มีช่วงที่อ่อนล้าบ้าง อาจดูว่าเป็นเหตุผลแม้แต่มืออาชีพที่ทำงานหนักและยาวนานเมื่อสถานการณ์บังคับก็ต้องหัดที่จะปล่อยความกดดันให้ออกไปจากตัวเองบ้าง การทำงานที่ยาวนานอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างความหายนะให้กับสุขภาพของคุณได้

 

2. หาสาเหตุของความเครียดให้เจอ

เป็นไปได้ยากที่จะขจัดความเครียดไปได้หากยังไม่ทราบถึงสาเหตุของมัน สังเกตดูสภาพแวดล้อมในการทำงานและหาคำตอบว่าอะไรที่ทำให้เครียด สาเหตุต่างๆ อาจรวมถึงการเดินทางที่ใช้เวลานาน ลูกค้าที่เอาใจยาก ความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน การเมืองในบริษัท ซึ่งอาจทำให้รู้สึกหวาดกลัวกับหน้าที่การงาน หรือปัญหาทางการเงิน ลิสต์ปัญหาต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความเครียด และนี่คือขั้นตอนแรกในการที่จะแก้ไขปัญหาต่อไป

 

3. หลีกเลี่ยงการทำงานแบบไฟลนก้น

ในสภาพการทำงานที่ตึงเครียดเราต้องมีการวางแผนการทำงานที่เป็นแบบแผนมากขึ้น เพื่อให้ตัวเรารู้ว่างานไหนสำคัญ เช่น การเตรียมตัวปิดการขาย หรือการทำพรีเซนต์ อย่าให้งานทุกอย่างกองรวมกันก่อนวันที่ประชุม เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราลดความตึงเครียดลง

 

4. ผ่อนคลายจิตใจ

การผ่อนคลายจิตใจเป็นสิ่งสำคัญของการทำงาน หาเทคนิคในการผ่อนคลายจิตใจ อาจเป็นการหายใจเข้าปอดลึกๆ เดินเล่นในสวน เล่นโยคะ และการทำสมาธิ

 

5. บำบัดด้วยเสียงเพลง

การฟังเพลงถือว่าเป็นเทคนิคในการผ่อนคลายที่ดีและนิยมทำกันอย่างหนึ่ง การได้ทำงานไปพร้อมๆ กับการได้ฟังเพลงที่ชื่นชอบด้วยอารมณ์สุนทรีย์ จะทำให้ลดความตึงเครียดในที่ทำงานลงได้

 

6. ปรนเปรอตัวเองบ้าง

หลังจากที่ทำงานมาตลอดทั้งวัน ควรให้ร่างกายและสมองได้ผ่อนคลายด้วยการนวดหรือเข้าสปา เพื่อทำให้ร่างกายเราพักผ่อนจากความเมื่อยล้า ซึ่งการนวดศีรษะถือว่าเป็นการผ่อนคลายที่ดีมากเช่นกัน

 

7. ฟังคำเตือนของครอบครัวและเพื่อนฝูงไว้บ้าง

การได้ฟังความเห็นหรือเชื่อคำเตือนของคนรอบข้างว่าเรามีความเครียดมาก ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรเชื่อและทำตาม เพราะเป็นคนที่สามารถแนะนำสิ่งดีๆ ให้เราได้ นอกจากนั้นคนรอบตัวเหล่านี้ยังเป็นผู้ฟังที่ดี และพร้อมให้กำลังใจได้ตลอดเวลา

 

8. ใช้ศาสนาหรือปรัชญาเป็นยาช่วยบำบัดจิตใจ

หลายคนหันไปพึ่งศาสนาและปรัชญาเพื่อหาความสงบทางใจ โดยใช้ความเชื่อถือและศรัทธาเป็นสิ่งช่วยฝึกฝนจิตใจให้ต่อสู้กับความเครียดที่เข้ามาได้

 

9. จัดการความเครียดให้เป็นกิจวัตร

กุญแจสำคัญในการจัดการกับความเครียดที่สะสมอยู่นั้นคือการรวมวิธีทุกอย่างที่ว่ามาข้างต้นและทำให้ได้ในทุกๆ วัน เพราะการจัดการความเครียดต้องมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ฝึกฝน และต้องปฏิบัติจนเคยชิน

 

Comments