357 week ago — ใช้เวลาอ่าน 4 นาที
เชื่อว่าวันนี้หลายคนมีจำนวนชั่วโมงที่ใช้อินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยราว 6-7 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งเวลาทำงาน ทั้งเวลาเดินทาง ทั้งเวลาพักผ่อนอยู่กับบ้าน ยิ่งสายงานไหนที่ต้องใช้การติดต่อสื่อสารหรือทำงานแบบออนไลน์ด้วยแล้ว เรียกว่าอินเทอร์เน็ตนั้นใกล้ชิดกับเราแบบเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปเลย เพราะฉะนั้นหากเราสามารถที่จะทำประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้นกว่าทุกๆ วันก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย
หลายคนใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองโดยใช้เวลาว่างในการหาสินค้ามาขายออนไลน์ ทั้งผ่านโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งก็รายได้ดีก็ไม่น้อย หลายคนถึงขั้นยอมออกจากงานเพื่อมาทำแบบเต็มตัว แต่การขายสินค้าออนไลน์ในปัจจุบันนอกจากการขายในรูปแบบพรีออร์เดอร์คือซื้อมาแล้วขายไป มีสินค้าในสต็อกหรือมีอยู่ในมือ แล้วจัดการส่งสินค้าตามออร์เดอร์ที่ได้รับด้วยตัวเอง ยังมีการขายของออนไลน์อีกหนึ่งรูปแบบที่น่าสนใจอย่างมาก เป็นการขายสินค้าที่แทบไม่ต้องมีการลงทุน เพียงแค่ลงแรงในการหาลูกค้าด้วยการโพสต์ขายสินค้าผ่านพื้นที่บนโลกออนไลน์ของตัวเอง
วิธีที่ว่านี้คือการขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ตแบบ Drop Shipping หรือเรียกสั้นๆ ว่า Drop Ship วิธีการนั้นอาจดูไม่ใช่เรื่องใหม่นักแต่ก็มีความต่างที่เป็นข้อดี เรียกว่าเราเป็นเพียงแค่ตัวแทนในการขายสินค้าซึ่งดูจะน่าดึงดูดใจหลายต่อหลายคนมากทั้งเรื่องของเงินลงทุนและข้อดีในเรื่องของภาระในการจัดส่งสินค้า แต่หากสนใจที่อยากจะมาลองทำดูบ้างต้องเริ่มต้นอย่างไร
อยากทำ Drop Ship ต้อง…
1. ค้นหา Drop Shipper หรือซับพลายเออร์ที่มีสินค้าที่เราต้องการขาย การค้นหานั้นสามารถค้นหาได้จาก keyword เช่น Drop Ship, รับสมัครตัวแทนจำหน่าย Drop Ship, ตัวแทนจำหน่ายไม่ต้องสต็อคสินค้า, รับสมัครตัวแทน Drop Ship ฯลฯ
2. ทำการติดต่อไปยัง Drop Shipper หรือซับพลายเออร์นั้นๆ ว่าเรามีความสนใจที่จะขายสินค้า ซึ่งสามารถขอคำแนะนำได้ เมื่อตกลงปลงใจกับ Drop Shipper ใดก็ทำการเจรจาทางธุรกิจและหาข้อตกลงในเงื่อนไขที่พึงพอใจร่วมกัน ควรพิจารณาถึงราคาทุนที่จะได้รับ ราคาที่เราสามารถกำหนดขายได้ เงื่อนไขอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเติม ฯลฯ
3. ขอภาพและข้อมูลของสินค้าที่จะนำมาขายจาก Drop Shipper และทำการโปรโมทสินค้าบนร้านค้าออนไลน์ของเรา ซึ่งสามารถที่จะตั้งร้านค้าออนไลน์ไว้ก่อนได้เลย เช่น เว็บลงโฆษณาฟรี เว็บบอร์ด Facebook, Twitter, Instagram ข้อมูลของสินค้านั้นควรที่จะขอมาให้ครบถ้วนเพื่อที่เวลาที่เราโปรโมทออกไปจะได้โพสต์รูปภาพสินค้าและรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน และตอบคำถามลูกค้าได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น หากเว็บไซต์หรือหน้าเพจของเรามีรายละเอียดที่สมบูรณ์จะสร้างความน่าเชื่อถือแก่ลูกค้าได้อย่างมาก
4. รับคำสั่งซื้อจากลูกค้า เมื่อลูกค้ามีความสนใจในสินค้าของเรา อาจสอบถามในรายละเอียดเพิ่มเติม ข้อนี้ถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญข้อหนึ่งของเรา เพราะหากสร้างความรู้สึกประทับใจในการบริการได้ เราอาจจะได้ลูกค้าขาประจำทันที เมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อและโอนเงินมาให้เราเรียบร้อย เราก็เก็บส่วนที่เป็นกำไรจากการตั้งราคาสินค้าหักราคาทุนได้ทันที
5. ส่งรายละเอียดของคำสั่งซื้อสินค้านั้นไปยัง Drop Shipper หรือซับพลายเออร์ พร้อมโอนเงินส่วนที่เป็นทุนไปให้ด้วย ควรแจ้งรายละเอียดการสั่งซื้อไปให้ครบถ้วนทั้งชื่อและที่อยู่สำหรับการจัดส่งของลูกค้า ข้อนี้เป็นข้อดีของการทำ Drop Ship อย่างหนึ่งคือเราไม่ต้องมาทำการแพ็กของหรือจัดส่งของเอง
6. Drop Shipper หรือซับพลายเออร์ จะเป็นผู้จัดส่งสินค้าสู่ลูกค้าโดยตรงตามรายละเอียดที่เราส่งไปให้ เราอาจติดตามการจัดส่งจากลูกค้าได้ด้วย เพื่อสร้างความประทับใจต่อลูกค้ามากยิ่งขึ้นไปอีก
ข้อดีของการทำ Drop Ship
1. Drop Shipper หรือซับพลายเออร์ สามารถกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคได้ง่ายและมากขึ้น
2. ตัวแทน Drop Ship ไม่ต้องสต็อคสินค้าไว้
3. ตัวแทน Drop Ship ไม่ต้องลงทุนซื้อสินค้าไว้ก่อน
4. มีข้อมูลและรูปภาพสินค้า ไม่ต้องจัดหาเอง
5. ตัวแทน Drop Ship ไม่ต้องส่งสินค้าให้ลูกค้าเอง เพราะ Drop Shipper หรือซับพลายเออร์ จะรับหน้าที่นี้เอง
ข้อเสียการทำ Drop Ship
1. ปัญหาการตั้งราคา บวกน้อยไปก็กำไรน้อย บวกมากไปก็จะขายยาก
2. คุณภาพจริงของสินค้าซึ่งไม่สามารถทราบก่อนได้ อาจได้สินค้าไม่ตรงตามภาพ หรือคุณภาพไม่ดี
3. ไม่สามารถทราบจำนวนสินค้าในแต่ละล็อตได้ ต้องคอยตามเช็คกับ Drop Shipper หรือซับพลายเออร์เสมอๆ
4. หากเป็นสินค้าที่มีคู่แข่งมากอาจมีการตัดราคากันเอง
คอมพิวเตอร์ควอนตัมคืออะไร ส่งผลกับโลกของเรายังไง?
247 week ago
มาทำความเข้าใจกับยุค Crowd-based Capitalism
248 week ago
Most read this week
Trending
Comments
Please login หรือ สมัครสมาชิก to join the discussion