เมื่อก่อนหากเราอยากได้สินค้าจากต่างประเทศ หรือมองหาสินค้าสักชิ้นที่อยากได้ อาจจะหายาก จำนวนจำกัด ลิมิเต็ดเอดิชั่น สินค้าผลิตเฉพาะท้องที่ ฯลฯ จึงจำเป็นต้องไปหาฝากใครต่อใครให้เขาซื้อสินค้ามาให้ซึ่งดูยุ่งยากและมีความลำบากใจอยู่ไม่น้อย แต่ในปัจจุบันนี้เกิดธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นการจัดหาสินค้ามาให้กับผู้ที่ต้องการ โดยรวบรวมออเดอร์ให้ได้จำนวนหนึ่งแล้วจึงทำการสั่งซื้อกับซับพลายเออร์ หรือตัวกลางนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ หรืออาจจะเป็นโรงงาน เมื่อได้สินค้านั้นๆ มาแล้วถึงจะจัดส่งให้กับลูกค้าต่อไป

ความดีงามของการทำธุรกิจพรีออเดอร์นี้ก็คือไม่จำเป็นต้องมีเงินลงทุนก่อนก็ได้ สามารถที่จะให้ผู้ที่สั่งซื้อโอนเงินมาก่อนแล้วจึงนำเงินนั้นไปซื้อสินค้ามาจัดส่ง เราสามารถตั้งราคาขายโดยรวมกำไรที่จะได้รับและอาจจะรวมค่าจัดส่งไปด้วยเลยหรือคิดแยกต่างหากก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ตกลงกับลูกค้าตั้งแต่แรก เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจการฝากซื้อของ หรือเป็นการซื้อมาขายไปนั่นเอง

วิธีทำธุรกิจพรีออเดอร์นั้นสามารถทำได้ 2 วิธีหลักๆ คือ

1. ซื้อสินค้ามาสต๊อกไว้ก่อนแล้วจึงจัดส่ง

ข้อดี: มีภาพตัวอย่างสินค้าจริงมาโชว์ให้ลูกค้าดูได้โดยตรง ซึ่งการันตีได้ว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าจะตรงตามที่สั่ง และมีสินค้าจัดส่งได้แน่นอนกว่า

ข้อเสีย: อาจต้องลงทุนก่อน เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินลงทุนอยู่ก่อนบ้าง

2. ลูกค้าจ่ายเงินมาก่อน รวบรวมยอดแล้วจึงสั่งสินค้า

ข้อดี: ไม่ต้องมีเงินลงทุนก่อน ลงเพียงแต่แรงเท่านั้น

ข้อเสีย: จำเป็นต้องจัดหาภาพสินค้ามาเพื่อจะแสดงตัวอย่างให้ลูกค้าเห็น ซึ่งไม่การันตีว่าสินค้าที่ได้จะตรงตามภาพที่โพสต์ไป ความรวดเร็วและความตรงต่อเวลาในการจัดส่งอาจควบคุมไม่ได้

การทำพรีออเดอร์สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ทำธุรกิจนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการกำหนดราคาว่าต้องการกำไรเท่าไหร่ และคิดค่าบริการด้านต่างๆ เพิ่มไปอีกเท่าไหร่ ค่าบริการเหล่านี้คือความรวดเร็วในการจัดส่ง ความยากง่ายในการจัดหาสินค้า ความต้องการเพิ่มเติมพิเศษของสินค้า ฯลฯ หากเราสามารถหาสินค้าที่มีต้นทุนต่ำได้เราก็จะได้กำไรเพิ่มมากขึ้น แต่ควรต้องให้ความสำคัญต่อคุณภาพของสินค้าด้วยเช่นกัน ไม่ควรมุ่งเน้นแต่สินค้าที่มีต้นทุนต่ำโดยมองข้ามคุณภาพของสินค้าไป เพื่อเป็นการรักษาลูกค้าให้อยู่นานๆ การทำพรีออเดอร์แม้ว่าจะดูไม่ยากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นควรต้องศึกษาวิธีการเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาต่างๆ ไว้บ้าง

ทำพรีออเดอร์อย่างไร...ไม่ต้องเสี่ยง?

1. รู้จักลูกค้าก่อน เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเสมอในการทำธุรกิจ เราต้องรู้ว่าเราจะขายของให้กับใคร เพศไหน อายุเท่าไหร่ มีไลฟ์สไตล์แนวไหน สนใจเรื่องอะไร ฯลฯ เพื่อที่เราจะได้จัดหาสินค้ามาให้ถูกกับกลุ่มลูกค้าของเรา

2. รู้จักสินค้าดี สินค้าที่เราจะขายนั้นเป็นสินค้าอะไร ดีเด่นอย่างไร รายละเอียดของสินค้าเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนและมากพอที่จะให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้

3. การขนส่งที่แน่นอน การขายแบบพรีออเดอร์นั้น การขนส่งถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญมากข้อหนึ่ง ทั้งในเรื่องของความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว สินค้าสามารถไปถึงบ้านลูกค้าได้ตามกำหนดเวลา และสินค้าไม่ได้รับความเสียหายจะทำให้ได้รับความมั่นใจและความไว้วางใจจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น ดังนั้นการเลือกระบบขนส่งต้องให้ความสำคัญอย่างมาก วิธีการการขนส่งอาจจะเป็นการจัดส่งด้วยตัวเอง จ้างบริษัทขนส่ง หรือการรับส่งสินค้าจากแหล่งผลิตด้วยตัวเองเลย

4. โปรโมทออนไลน์ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในโลกออนไลน์ การสร้างความคุ้นเคยและความไว้วางใจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก การตัดสินใจสั่งซื้อของออนไลน์และต้องโอนเงินค่าสินค้ามาก่อนนั้นมีความเสี่ยงสูง พ่อค้าแม่ค้าจำเป็นต้องสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้น ต้องอาศัยโซเชียลมีเดียในการสร้างความคุ้นเคยโดยมีความเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ มีภาพสินค้าใหม่ๆ ออกมาอยู่ตลอด ทักทาย ให้ข้อมูลความรู้ที่มีประโยชน์ ตอบคำถามรวดเร็ว มีโปรโมชั่นต่อเนื่อง

5. บัญชีสำคัญ การทำธุรกิจที่ดี การทำบัญชีเป็นเรื่องสำคัญมาก เราจำเป็นต้องแยกบัญชีส่วนตัวและพรีออเดอร์ออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อที่ว่าจะได้รู้สถานการณ์จริงๆ ของธุรกิจของเรา ซึ่งจะช่วยทำให้การบริหารจัดการต่างๆ ดำเนินไปอย่างคล่องตัวมากกว่า การแยกบัญชีจะทำให้เห็นการเข้าหรือออกของเงินในบัญชีได้ชัดเจน และหากมีการสมัครการแจ้งเตือนจากธนาคารด้วยจะทำให้เรารู้ความเคลื่อนไหวของบัญชีตลอดเวลา ดีทั้งต่อตัวเราและดีต่อลูกค้าด้วย

6. ทุนสำรองต้องมี แม้ว่าการทำพรีออเดอร์อาจไม่ต้องมีเงินลงทุน แต่ควรที่จะต้องมีทุนสำรองไว้บ้าง เผื่อในกรณีที่ไม่คาดคิด เช่น สินค้าได้รับความเสียหายจากการขนส่ง หรือสูญหาย หรือในกรณีความผิดพลาดหรือการโกงจากซับพลายเออร์หรือโรงงาน

7. Service Mind ห้ามขาด การทำธุรกิจประเภทนี้จำเป็นต้องใช้ความอดทน เพราะลูกค้าอาจมีหลายรูปแบบ บางครั้งอาจเจอกับลูกค้าที่ไม่คุ้นเคยกับการซื้อของพรีออเดอร์จึงอาจยังไม่มีความเชื่อใจ อาจดูจู้จี้จุกจิก เดี๋ยวโทรเดี๋ยวเช็กอยู่ตลอดเวลา รอคอยไม่ได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพ ต้องมี service mind ต้องพยายามเข้าใจลูกค้าและพยายามสร้างความเชื่อใจ หากเราทำได้ในที่สุดเราก็จะทำให้ลูกค้าขาจรกลายมาเป็นขาประจำของเรา

และสุดท้ายคือปัญหาที่ผู้ที่ทำธุรกิจแบบพรีออเดอร์อาจต้องเผชิญโดยเฉพาะพรีออเดอร์ประเภทที่ลูกค้าจ่ายเงินมาก่อนแล้วจัดส่งทีหลัง ซึ่งหากทราบไว้บ้างก่อนก็จะช่วยให้มองเห็นวิธีการรับมือและอาจจะเป็นการสร้างโอกาสในวิกฤติก็ได้

- ซับพลายเออร์ ไม่ว่าจะเป็นคนที่จัดหาสินค้าให้เราอีกทีหรือเป็นพวกโรงงาน อาจเป็นปัญหาใหญ่ของเราได้ หากเราไม่สามารถติดต่อผู้ผลิตได้เองหรือไม่สามารถติดต่อซับพลายเออร์หรือตัวแทนคนนั้นได้ก็จะเกิดปัญหาในการหาสินค้ามาส่งให้กับลูกค้าที่ได้ชำระเงินมาล่วงหน้าแล้ว

- สินค้า อาจเกิดหมดสต็อก หรือมีคุณภาพไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ ก็อาจเกิดปัญหาลูกค้าขอเปลี่ยนสินค้า หรือขอคืนเงิน ซึ่งจะกระทบกับเงินทุนสำรองของเราว่ามีเพียงพอหรือไม่

- การสื่อสาร สินค้าหลายอย่างที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ ฯลฯ หากเราสามารถเข้าใจหรือสื่อสารได้บ้างจะเป็นผลดีต่อการทำธุรกิจอย่างแน่นอน เช่น การสอบถามเรื่องของรายละเอียดสินค้า จำนวนสินค้าในสต็อกที่มี ระยะเวลาจัดส่งสินค้า ฯลฯ

- สร้างตัวตน การมีเว็บไซต์จะทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาเราได้ง่ายบนอินเทอร์เน็ต และจะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าการเป็นแค่หน้าเพจสำหรับขายสินค้า แม้ว่าเพจของเราจะเป็นช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้าได้สะดวก แต่การมีเว็บไซต์จะช่วยยืนยันถึงตัวตนที่มีอยู่จริง ตรวจสอบได้ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกว่า

- ขยันและอดทน การทำพรีออเดอร์มีตั้งแต่ขายสินค้าเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงใหญ่ๆ มีตั้งแต่ขายสินค้าแบบเดียวไปจนถึงหลากหลายประเภท พ่อค้าแม่ค้าต้องขยันโปรโมทสินค้า ขยันโพสต์ข้อมูลต่างๆ ทั้งภาพสินค้า เรื่องราวที่น่าสนใจ โปรโมชั่นต่างๆ ตอบข้อสงสัยของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ หากเป็นการทำเพื่อหารายได้พิเศษต้องแบ่งเวลาให้ดี และการทำธุรกิจรูปแบบนี้อาจต้องเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อประคองธุรกิจนี้ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เวลาที่เจอปัญหาจากลูกค้าที่หลากหลายจำเป็นต้องตั้งสติและใช้ความอดทน เอาใจเขามาใส่ใจเรา มีใจบริการ