กระบวนการของการสร้างผลลัพธ์ที่ก้าวหน้า

กระบวนการของการสร้างผลลัพธ์ที่ก้าวหน้า

การเรียนรู้และการพัฒนา

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

265 week ago — ใช้เวลาอ่าน 6 นาที

กระบวนการของการสร้างผลลัพธ์ที่ก้าวหน้า

หากพูดถึง Samuel Walton ผู้อยู่เบื้องหลังของธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Walmart เรียกได้ว่า

Samuel Walton นั้นถือเป็นต้นกำเนิดของตำนานยาจกที่กลายเป็นเศรษฐีกันเลยก็ว่าได้ จากพื้นฐานครอบครัว

ที่ไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน เติบโตขึ้นในช่วยยุคเศรษฐกิจตกต่ำ เขาทำงานแบบหาเช้ากินค่ำโดยไม่เกี่ยงว่างานนั้น

จะเป็นอะไร ในบางวัน เขารับหน้าที่เป็นคนส่งนม ต่อด้วยรับหน้าที่เป็นคนส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้าน

และในวัยเรียน เขาใช้ชีวิตนักศึกษาควบคู่ไปกับการทำงานตามร้านอาหาร ก่อนจะเข้าร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และในวัย 26 ปี นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้เริ่มทำความรู้จักโลกของธุรกิจจากการ

ทำงานในร้านขายของร้านเล็ก ๆ ก่อนจะเริ่มขอสินเชื่อเพื่อเปิดร้านของตนเอง และในวันที่ 2 กรกฎาคม 2505

Walmart ก็ได้เปิดตัวขึ้นที่เมืองโรเจอร์สรัฐอาร์คันซอ 

 

อีกหนึ่งตำนานของยาจกที่กลายเป็นเศรษฐีคือเรื่องราวของ Sidney Weignberg ผู้กุมบังเหียนบริษัทแถวหน้า

ของ Wall Street อย่าง Goldman Sachs เขาเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 10 ขวบ โดยงานแรกที่เขาทำอย่างจริงจัง

คืองานผู้ช่วยภารโรงด้วยค่าแรง $3 ต่อสัปดาห์ และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รับความสนใจจาก Paul

Sachs หนึ่งในกลุ่มญาติของตระกูล Sachs ผู้ก่อตั้ง Goldman Sachs ซึ่งหลายปีต่อมา Wiegnberg ได้เริ่ม

ไต่เต้าจากนักเทรดกลายเป็นพาร์ทเนอร์และในที่สุดก็ได้กลายเป็นผู้นำองค์กรในหลายปีต่อมา 

 

เรื่องราวของคนทั้งสองชี้ให้เห็นว่า หากคุณต้องการที่จะไปสู่ผลลัพธ์ที่ก้าวหน้าในทุก ๆ เรื่องแล้วละก็

คุณจะต้องมีความมุ่งมั่น 4 ข้อดังต่อไปนี้: 

 

  1. เชื่อมั่นใจตนเอง

  2. ทำงานในเชิงรุกอย่างเสมอต้นเสมอปลาย 

  3. เติบโตอย่างต่อเนื่อง

  4. ผลของลอลลาปาลูซา

 

ลองมาดูรายละเอียดของแต่ละข้อกัน: 

 

1. ปลดล็อคความคิดด้วยการสร้างความเชื่อมั่นว่า “คุณทำได้ทุกเรื่อง”

 

ทั้ง Samuel Walton และ Sidney Weingerg ไม่มีทางมาถึงจุดนี้ได้หากพวกเขายอมรับชะตากรรมในอดีต

ของตนเองและใช้ชีวิตในรูปแบบเดิม ๆ พวกเขาเพียงแค่ปลดล็อคความคิดและมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อเดินตาม

ความฝันของการใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาวาดเอาไว้ ซึ่งสิ่งเดียวที่ขวางกั้นหนทางของพวกเขาในตอนนั้นคือ

การติดกรอบความคิดที่ว่าทุกสิ่งที่อย่างนั้นยากเกินไปและเราไม่มีทางที่จะไปถึงความสำเร็จที่วาดเอาไว้ได้ 

 

และหากลองย้อนดูเรื่องราวในประวัติศาสตร์ คุณจะพบว่ามีตัวอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จอีกมากมายที่

กล้าท้าทายกรอบความคิดของตนเองและเชื่อมั่นอย่างสุดใจว่าพวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ขอแค่มีใจที่จะทำ

และผลลัพธ์ก็คือ พวกเขาเหล่านั้นสามารถพลิกโฉมชีวิตของตนเองและคว้าความสำเร็จมาไว้ในมือได้

 

กรอบความคิดของคุณคือพื้นฐานของการกระทำที่จะนำพาคุณไปสู่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ ดังนั้นการทำให้

ฐานรากนั้นแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงนับเป็นเรื่องสำคัญ

 

2. หมั่นทำงานในเชิงรุกอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

 

หากคุณมุ่งมั่นทำงานอะไรก็ตามให้นานพอ ไม่ว่าอย่างไรคุณก็จะต้องมีการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างแน่นอน

และเมื่อวันเวลาผ่านไป งานที่คุณทำจะเริ่มง่ายขึ้นเมื่อคุณเริ่มคุ้นชินกับมัน แต่ผลลัพธ์ของงานที่คุณตั้งใจทำ

มันอย่างหนักหน่วงนั้นยิ่งใหญ่พอแล้วหรือยัง งานของคุณกำลังนำพาคุณไปสู่จุดหมายปลายทางที่คุณวาดฝัน

ไว้หรือไม่ หลายคนทำงานอย่างขยันหมั่นเพียร เข้างานตรงเวลาในทุก ๆ วันโดยที่ไม่ได้อะไรจากการใช้ชีวิตใน

รูปแบบนั้นเลยซักนิด นานวันเข้าพวกเขาก็เริ่มพัฒนาได้ช้าลง แล้วอะไรที่จะทำพาพวกเขาไปสู่ผลลัพธ์ที่

ก้าวหน้าได้ หากไม่ใช่การทำงานในเชิงรุก

 

ในกรณีของ Weinberg หากเขาหมั่นเพียรกับงานผู้ช่วยภารโรงที่ได้มาอย่างยากลำบากต่อไป ชีวิตของเขาคง

ไม่มีทางมาถึงจุดเปลี่ยนในทุกวันนี้ ในวันนั้น แทนที่เขาจะยอมรับชะตากรรม ณ ขณะนั้น Weinberg เลือกที่จะ

ทำงานในเชิงรุก และน้อมรับทุก ๆ โอกาสที่เข้ามาในชีวิต เขาไม่เพียงทำงานในหน้าที่ของตนเอง แต่เขายัง

หมั่นหาหนทางที่จะช่วยพัฒนาองค์กรไปจนกระทั่งสามารถไต่เต้าไปจนถึงตำแหน่งพาร์ทเนอร์ได้ในระยะเวลา

หลายปีต่อมา 

 

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความท้าทายที่แท้จริงของชีวิต คือการกล้าที่จะแตกออกจากความคุ้นเคยของตน

ไปสู่หนทางที่เต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ อย่างมุ่งมั่น คือการทำงานในเชิงรุกอย่างเสมอต้นเสมอปลายนั่นเอง

ซึ่งเชื่อได้เลยว่าคุณจะได้รับผลลัพธ์ที่หอมหวานเย้ายวนใจมากกว่าที่คุณคิด 

 

3. การเติบโตอย่างสม่ำเสมอ

 

หลังจากที่คุณมุ่งมั่นทำงานในเชิงรุกด้วยความเชื่อมั่นในตนเองแล้ว ชีวิตของคุณจะนำพาคุณมาสู่จุดสำคัญใน

ช่วงที่คุณเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่เริ่มงอกเงยจากการทุ่มเทแรงกายและแรงใจของคุณ ซึ่งเมื่อมาถึงจุดนี้ คุณจะเริ่ม

พบพานความสำเร็จจากผลของการกระทำของคุณ ซึ่งนั่นจะนำพาให้คุณเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

 

4. ผลของลอลลาปาลูซา 

 

นิยามของคำว่า ‘ลอลลาปาลูซา’ ถือกำเนิดขึ้นจากนักธุรกิจชาวอเมริกันคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนและหุ้น

ส่วนของ Warren Buffet นามว่า Charlie Munger ในปี 2538 ซึ่งหมายถึงการที่มนุษย์เรานั้นมีแนวโน้มที่จะ

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปตามกาลเวลา และเมื่อพฤติกรรมเหล่านั้นเริ่มชักจูงเราไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

ผลลัพธ์ก็คือ ลอลลาปาลูซา 

 

แนวโน้มทางความคิดของเรามีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิตของเรา ในกรณีของ Weinberg และ Walton

พวกเขาหล่อหลอมความคิดของพวกเขาในการทำให้องค์ประกอบต่าง ๆ ในชีวิตเป็นไปในแบบที่พวกเขา

ต้องการ ซึ่งผลสุดท้ายก็คือ องค์ประกอบเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นำพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จ 

 

หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ก้าวหน้าในชีวิต สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการสร้างหนทางให้กับตนเองเพื่อให้เกิดองค์

ประกอบต่าง ๆ ที่จะช่วยนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ในชีวิต คุณอาจต้องยอมรับความเสี่ยง และปลดล็อค

ความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวของคุณเอง เพราะอย่าลืมว่าคนเรามีเพียงชีวิตเดียว และหากคุณใช้ชีวิตได้อย่าง

คุ้มค่า คุณจะพบว่าชีวิตเดียวก็เกิดพอแล้ว

Comments