ทำไมเราถึงต้องสนใจโซเชียลมีเดีย เกี่ยวข้องธุรกิจของเรามากแค่ไหน แล้วเราควรเลือกใช้แพลตฟอร์มไหนดีกว่ากัน ฯลฯ คำถามเหล่านี้หลายท่านอาจตั้งข้อสงสัยไว้มากมายเหมือน ๆ กัน

เป็นที่น่าสนใจว่าปัจจุบันเราเข้าถึงโซเชียลมีเดียโดยการใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือถึง 98% และ 37 ล้านรายที่เล่น Facebook ทุกวัน จากตัวเลขเหล่านี้ ถ้าธุรกิจใดยังไม่กระโดดเข้ามาในโลกออนไลน์หรือใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย หรือไม่รองรับการใช้งานผ่าน Smart Phone แล้วละก็คิดว่าน่าจะอยู่ยากพอสมควร แต่ตอนนี้เราลองมาดูข้อมูลคร่าว ๆ กันก่อนว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ยังมีบทบาทสำคัญในปีนี้จะมีแพลตฟอร์มไหนบ้าง

ข้อมูลจากงาน Thailand Social Awards 2019 ที่ผ่านมาได้แสดงข้อมูลที่น่าสนใจของแพลตฟอร์มยอดนิยมที่คนไทยยังใช้อยู่และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นโซเชียลมีเดียแต่ละแพลตฟอร์มนั้นยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ที่จะออกมาให้ใช้กันในปีนี้อีกด้วย

1. Google น้อยคนนักที่จะปฏิเสธว่าไม่เคยใช้งาน Google ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เรียกว่า Google เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ด้วยผลิตภัณฑ์ของ Google ที่ทรงอิทธิพล 7 ตัว ไม่ว่าจะเป็น Search Engine, Google Maps, YouTube, Play Store, Android, Google Chrome และ Gmail ซึ่งทั้งหมดล้วนแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของเราแทบทั้งสิ้นและครอบคลุมทุกด้านอีกด้วย โดยได้นำเอาระบบ AI และ Machine Learning เข้ามาทำความเข้าใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง โดยที่ธุรกิจสามารถส่งสารได้ตรงความต้องการแบบถูกที่และถูกเวลาไปพร้อม ๆ กัน

2. Facebook ในประเทศไทยยังเป็นโซเชียลมีเดียที่ครองความนิยมสูงสุด โดยมีจำนวนผู้ใช้งานสูงถึง 53 ล้านราย แม้ว่าตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานที่โตขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ๆ นั่นอาจเป็นเพราะจำนวนผู้ใช้งานอาจมีจำนวนจำกัดแล้วและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ๆ ก็ไม่ค่อยสนใจหรือใช้งาน Facebook มากนัก นอกจากนี้ แอปพลิเคชันที่เป็นโซเชียลมีเดียและรับส่งข้อความด้วย นอกจาก Facebook แล้วยังมี Instagram, WhatsApp และ Messenger ยังมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นโดยตลอด

โดย Facebook จะเพิ่มฟีเจอร์ที่รองรับเรื่องการค้าขายและความบันเทิง โดยจากที่ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับบางธนาคารเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจออนไลน์ให้สามารถชำระเงินได้ทันทีในแอปพลิเคชัน  Messenger และสำหรับความบันเทิงนั้นได้มีการเพิ่ม “Facebook Watch” ฟีเจอร์วิดีโอที่เชิญเพื่อนมาดูได้และยังสามารถแชร์ความเห็นได้แบบเรียลไทม์

3. LINE ต่อไปจะไม่ได้เป็นเพียงแค่แอปพลิเคชันสำหรับการแชทเท่านั้น เพราะ LINE ได้ขยายธุรกิจออกไปอีกหลากหลายเพื่อเข้าถึงลูกค้าทุก ๆ กลุ่มและครอบคลุมเกือบทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น LINE MAN, LINE TODAY, LINE TV, LINEFOOD, LINEPAY, LINE Timeline และอื่น ๆ อีกมากมายในระบบนิเวศ ถือเป็น Super App ที่ชัดเจนในประเทศไทย

โดย LINE เองมีแพลตฟอร์มสำหรับการเก็บ data ของลูกค้าไว้เพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลที่ได้นี้มาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด ซึ่ง LINE กำลังพัฒนาตัวเองเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุมทุก Segment ของตลาดในวันนี้

4. Pantip เรียกได้ว่าเป็นโซเชียลมีเดียสายพันธุ์ไทยแท้ที่ครองใจคนไทยมานาน โดย Pantip ไม่ได้หยุดการพัฒนาตัวเองไว้เพียงแค่เว็บบอร์ดแต่ Pantip ได้ก้าวสู่การเป็นคอมูนิตี้ในโลกออนไลน์ของไทยที่แข็งแรงและมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ชัดเจน ที่ผ่านมากับฟีเจอร์ Pantip Now ที่เป็นช่องทางใหม่ในการแนะนำกระทู้ที่ได้รับความนิยมหรือช่องทางที่จะแจ้งว่ากระทู้ใดที่มีคนอ่านกันมาก บางครั้งอาจเป็นกระทู้เก่าก็ได้แต่สามารถทำให้มีทราฟฟิกเพิ่มมากขึ้นเพราะสมาชิกที่เข้ามาในเว็บไซต์จะทราบว่ามีกระทู้ไหนกำลังเป็นที่นิยมกัน

ในปีนี้ Pantip ยังคงมุ่งไปที่คอนเทนต์ของผู้ใช้และการเพิ่มปฏิสัมพันธ์ให้มากขึ้นรวมถึงยังเพิ่มฟีเจอร์ Comment Ads ซึ่งเป็นเสมือนคอมเมนต์ของแบรนด์เองและจะอยู่ที่ตำแหน่งบนสุดใส่ลิงค์ รูปภาพหรือข้อมูลต่าง ๆ ได้

5. Twitter จากที่เคยเป็นโซเชียลมีเดียยอดนิยมในกลุ่มวัยรุ่น ปัจจุบันยังได้รับความนิยมมากขึ้นในคนกลุ่มวัยทำงานหรือช่วงช่วงอายุ 25-34 ปี จากจุดเด่นในด้านความรวดเร็วจึงได้เปรียบในเรื่องของการสร้าง trend ในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ในปีนี้ Twitter จึงเพิ่มบริการ Top Trend เป็นการสร้าง hashtag ไว้ที่ตำแหน่งบนสุดของส่วน Trend ทำให้แบรนด์สามารถ Tweet ข้อความสื่อสารกับผู้ใช้งานได้รวดเร็วในวงกว้างขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

และในปัจจุบัน Twitter ยังมีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นจากข้อดีในเรื่องข้อมูลที่เป็นแบบเรียลไทม์ เช่น เช็คข้อมูลการจราจร ติดตามข่าว เช็กฝุ่นละออง เรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว ซึ่ง Twitter มีแผนในอนาคตที่จะขายโฆษณาในช่วง Pre-Roll ทั้งในวิดีโอและในไลฟ์ด้วย