SME ต้องรู้ ถ้าอยากรอดในปี 2563

ปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกอาจยังอยู่ในภาวะที่ไม่สู้ดีนัก ประเทศไทยคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่โดนผลกระทบ ในแวดวงนักธุรกิจ และเหล่าคนทำมาค้าขายกล่าวถึงเศรษฐกิจประเทศไทยในปี 2563 ที่จะถึงนี้ มีเกณฑ์จะตกต่ำ และมีแนวโน้มไปในทางลบมากกว่าบวก ท่ามกลางสมรภูมิรบทางการตลาด ที่สินค้าและบริการต่างมีคู่แข่งที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหตุให้ ผู้ประกอบการธุรกิจ SME ควรเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว

การทำธุรกิจที่มั่นคงไม่สามารถดำเนินไปได้ด้วยตัวคนเดียว การจ้างงานจึงจำเป็นต่อผู้ประกอบการ SME ดังนั้น สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการจ้างงานในปี2563 นั่นคือ การจ่ายค่าแรงขั้นต่ำ โดยกระทรวงแรงงานจะมีการเสนออัตราค่าจ้างใหม่ โดยมีการขึ้นเป็นจำนวน 5-6 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเรื่องราคาสินค้า ซึ่งจะมีการเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบเร็วๆนี้ ก่อนจะประกาศบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2563 เมื่อเห็นดังนี้ ผู้ประกอบการควรวางแผนการจัดการเรื่องค่าแรงของ พนักงาน ผู้ใช้แรงงานที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในเวลาดังกล่าว อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของต้นทุนการผลิต ที่ต้องจ่ายไปกับแรงงาน แต่ถ้าหากผู้ประกอบการคัดเลือกแรงงานที่มีคุณภาพ สามารถผลิตงานออกมาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดในการทำงานน้อยกว่าเดิม ทุนที่ต้องใช้เพิ่มขึ้น ก็จะไม่เสียเปล่าที่จะจ่ายออกไปเพื่อธุรกิจของเรา ถ้าหากได้คัดเลือกพนักงานที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมงานกันแล้ว จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตไปได้ไกล และคุ้มค่าที่จะลงทุนเพิ่มในส่วนนี้

เมื่อพูดถึงในส่วนของผู้ผลิตไปแล้ว ส่วนของผู้บริโภคก็ไม่ควรละเลย ในยุคที่สื่อ ดิจิตัลนั้นแทบจะมีบทบาทกับคนทุกวงการ พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การสื่อสารการตลาด เป็นสิ่งจำเป็น ที่สำคัญอย่างมากในระบบเศรษฐกิจ และระบบสื่อสารมวลชน และแน่นอนว่าปัจจุบันผู้บริโภคเน้นไปที่การซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อผู้บริโภคมากกว่า เดินซื้อของเอง ดังนั้น การทำให้แบรนด์ เป็นที่รู้จักและติดตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ การสื่อสารการตลาดอย่างการสร้างเนื้อเรื่องให้สินค้า ไม่ว่าจะเป็นการหยิบ การจับ การพูดถึง ผ่านการโฆษณา ทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอ จะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายและรู้จักสินค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจสั่งซื้อออนไลน์มากไปกว่าเดิม นอกจากนั้น อาจทำได้โดยการพัฒนาการเข้าถึงสินค้าในช่องทางออนไลน์ให้น่าติดตามและน่าสนใจมากกว่าที่เคย การให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันของสินค้า และการใช้การรีวิวสินค้าเป็นตัวช่วยเสริม เพราะการสั่งสินค้าออนไลน์นั้น ผู้บริโภคมักเปิดหาข้อมูลจากผู้ใช้จริง ก่อนทำการตัดสินใจสั่งซื้อ สิ่งนี้จะทำให้ผู้ประกอบการได้ลูกค้ารายใหม่เพิ่มมากขึ้น แต่ต้องไม่ลืมที่จะดูแลฐานลูกค้าเดิม อาจมีการเล่นเกม ลุ้นรับรางวัลตอบแทน ให้กับลูกค้าเก่า

การซบเซาของเศรษฐกิจที่กำลังสวนทางกับการกำเนิดธุรกิจในทุกๆวัน อาจทำให้ผู้ประกอบการ SMEต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้นอยู่ตลอดเพื่อความอยู่รอด ในแต่ละวัน ผู้บริโภคได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าและบริการเป็นจำนวนมากผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆที่เจ้าของสินค้า ต่างพยามแย่งชิงพื้นที่ในการรับรู้ของผู้บริโภค ทำให้การโฆษณาและการสื่อสารเข้ามามีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนมีผลกระทบอย่างมาก ทั้งในการดำเนินชีวิตและการทำกิจกรรมต่างๆ ดังนั้น การให้ความสำคัญกับแรงงานที่มีคุณภาพ และพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการเอาตัวรอดของผู้ประกอบการ SME ในปี 2563 ที่กำลังจะถึงนี้ สุดท้ายแล้ว หากผู้ประกอบการได้เรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจ และท้องตลาดแล้ว แต่ไม่กล้าที่เปลี่ยนแปลง ไม่กล้าก้าวออกมาจากจุดเดิมที่เคยทำ ยังคงมีการจ้างงานที่ไร้คุณภาพ หรือการกำหนดค่าแรงที่เกินกว่ารายได้ของธุรกิจ สิ่งที่ได้เรียนรู้มา ก็อาจไม่เกิดประโยชน์กับธุรกิจ และอาจทำให้ผลประกอบการไม่เป็นไปดังที่ใจหวัง