347 week ago — ใช้เวลาอ่าน 6 นาที
ถึงวันนี้คงมี SMEs หลายรายที่อยากลองใช้บริการโซเชียลมีเดียยอดนิยมให้มาช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ติดที่ว่าไม่รู้จะเลือกอันไหนดีกว่ากัน วันนี้ขอรวบรวมข้อแตกต่างของ 2 โซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง LINE@ และ Facebook Page มาให้เปรียบเทียบกัน รักชอบอันไหนหรือคิดว่าเหมาะสมกับธุรกิจของเรามากกว่าก็เลือกใช้ได้ตามต้องการ
ทำความรู้จักเครื่องมือทั้งสองอย่างนี้คร่าวๆ กันก่อน...
LINE@ คือแอปพลิเคชันหนึ่งของ Line ที่เป็นมากกว่าการ Chat หรือการสื่อสารกับเพื่อนหรือผู้ติดตามแบบ Line ทั่วๆ ไป แต่จะช่วยทำให้ธุรกิจเข้าถึงผู้ใช้ LINE ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น LINE@ นั้นจะสามารถสื่อสารได้ทั้งแบบ Message คือคุยแบบ 1 ต่อ 1 และ Broadcast คือการส่งข้อความทีเดียวถึงทุกคนที่ติดตามได้ นอกจากนี้ยังสามารถโพสต์บนไทมไลน์ได้อีกด้วย LINE@ นั้นมีความสามารถเป็นทั้งหน้าเพจและแอปสำหรับแชทไปพร้อมๆ กัน
Facebook Page คือช่องทางที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารหรือประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารกับคนจำนวนมาก หรือเรียกง่ายๆ ว่าคนที่จะเป็นลูกค้าของเราก็ได้ เป็นเสมือนหน้าเว็บที่ดูได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อน และหากมีการกด Like โพสต์ของเราก็จะไปปรากฎในหน้า News feed ของคนนั้นด้วย ซึ่งในหน้าเพจนี้จะสามารถสื่อสารด้วย Facebook Messenger ได้ ซึ่งใช้สำหรับพูดคุยกับผู้ที่ติดต่อทั้งแบบ 1 ต่อ 1 หรือแบบเป็นกลุ่มก็ได้เช่นกัน
► ข้อแตกต่างระหว่าง LINE@ และ Facebook Page ◄
1. การส่งข้อความถึงลูกค้าทุกคนในครั้งเดียว
LINE@
LINE@ เรียกว่า “การบรอดแคสต์” เป็นฟังก์ชันจุดเด่นของ LINE@ สามารถส่งข้อความ ภาพ เสียง หรือ video ส่งตรงถึงลูกค้าได้ในทันที ไม่จำเป็นต้องตั้งกลุ่ม หรือส่งแยกรายบุคคล
ไม่จำกัดว่าข้อความนั้นๆ จะเป็นการส่งเสริมการขายหรือไม่
ฟังก์ชันนี้พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม
Facebook Page
Facebook มีฟังก์ชันใหม่ เรียก “การบรอดแคสต์” เช่นเดียวกัน แต่ยังไม่เปิดใช้งานกับผู้ใช้ทุกคน
แม้จะมีนักพัฒนาหลายคน พยายามใช้ช่องว่างของระบบ Facebook จนสามารถบรอดแคสต์ข้อความ หรือภาพ ได้เช่นเดียวกัน LINE@ ซึ่ง Facebook รับทราบถึงช่องว่างนี้
แต่ ณ ปัจจุบัน Facebook เริ่มปรับระบบใหม่ และได้ประกาศข้อกำหนดในการบรอดแคสต์ ข้อความ ซึ่งอนุญาตเฉพาะการบรอดแคสต์ข้อมูลที่ไม่ใช่การขายเท่านั้น หาก Facebook ตรวจพบการบรอดแคสต์ข้อมูลที่เป็นการโฆษณา หรือเชิญชวนให้เกิดการขาย Facebook มีสิทธิ์ลบ หรือยุติการบรอดแคสต์นั้นๆ ในทันที และอาจลามไปถึงระงับการบรอดแคสต์ของเพจถาวร
ปัจจุบันฟังก์ชันนี้ยังไม่มีให้บริการกับทุกคน ต้องใช้โปรแกรมหรือเว็บแอปพลิเคชันภายนอกในการเชื่อมระบบ
2. ระบบตอบโต้กับลูกค้าอัตโนมัติ
LINE@
LINE@ สามารถตอบโต้อัตโนมัติกับผู้ใช้ได้ โดยการกำหนดข้อความตอบกลับ ตามคำสำคัญ(Keyword) ทั้งคำสำคัญหลัก และคำสำคัญรอง เช่น
คำสำคัญหลัก สวัสดี
คำสำคัญรอง สวัสดีครับ, ดีครับ, ดีค่ะ, hi
คำตอบกลับ สวัสดีค่ะ ร้าน... ยินดีให้บริการค่ะ
ดังนั้นไม่ว่าลูกค้าจะตอบด้วยคำหลักใด ระบบจะตอบกลับเป็น สวัสดีค่ะ ร้าน... ยินดีให้บริการค่ะ เช่นเดียวกัน
ฟังก์ชันนี้พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม
Facebook Page
การตอบกลับอัตโนมัติของ Facebook โดยปกติจะเป็นการตอบกลับตามรูปแบบที่ระบุไว้เพียง 1 รูปแบบ เช่น การตอบกลับเมื่อมีผู้ติดต่อผ่าน Fanpage หรือตอบกลับเมื่อผู้ดูแลไม่ว่าง เป็นต้น
การตอบกลับประเภทนี้ของ Facebook จะไม่สามารถตั้งคำสำคัญหลัก และคำสำคัญรองได้ ดังนั้น การตอบกลับอาจดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร และมีเพียง 1 รูปแบบเท่านั้น หากมีการสอบถามสิ่งที่นอกเหนือจากนี้ ผู้ดูแลจะต้องดำเนินการด้วยตนเอง
และเช่นเดียวกัน หากต้องการให้การตอบตามคำสำคัญ (keyword) ต้องใช้โปรแกรม หรือเว็บแอปพลิเคชันภายนอกในการเชื่อมระบบ
3. การส่งโปรโมชั่นหรือส่วนลดพิเศษ
LINE@
จะมีฟังก์ชันประเภท “โปรโมชั่น” และ “คูปอง” รองรับอยู่แล้ว หากมีโปรโมชั่นหรือต้องการแจกคูปองต่างๆ สามารถดำเนินการได้ทันที
Facebook Page
Facebook มีฟังก์ชัน “ข้อเสนอ” ลักษณะคล้ายกับโปรโมชั่นและคูปองของ LINE@ มีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกัน
4. การทำโฆษณา
LINE@
LINE@ จะไม่มีระบบการทำโฆษณาของตัวเองโดยตรง ซึ่งการโปรโมทของ LINE@ ส่วนใหญ่ จะเป็นการโปรโมทร่วมระหว่างแบรนด์หรือสินค้าในระดับประเทศมากกว่าการโปรโมทจากแบรนด์ของผู้ประกอบการย่อย
Facebook Page
Facebook มีระบบการทำโฆษณาของตนเอง ไม่ว่าใครก็สามารถทำโฆษณาด้วยตนเองผ่าน Facebook ได้ เพียงมีบัตรเดบิต บัตรเครดิต และเปิดบัญชีโฆษณากับ Facebook เท่านั้น
Facebook ให้ความสำคัญกับทุกแบรนด์หรือสินค้าไม่ว่าจะระดับใหญ่หรือระดับเล็ก
หากแบรนด์ระดับเล็กแต่สามารถสร้างการเชื่อมโยง การพูดคุย หรือการแชร์จนเยอะขึ้น ก็สามารถเฉิดฉายบน Facebook ได้เช่นเดียวกับแบรนด์ระดับใหญ่
5. การเชื่อมโยงระหว่างลูกค้า
LINE@
LINE@ จะเน้นการเชื่อมโยงในระดับบุคคลต่อบุคคล หรือพูดคุยแบบหนึ่งต่อหนึ่งมากกว่า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่สนใจในบัญชี LINE@ นี้อยู่แล้ว
ตัวอย่างเช่น การส่งข้อความ 1 ครั้ง ลูกค้าที่ติดตามอยู่สามารถเห็นข้อความนี้ในทันที ไม่ได้เห็นโดยบังเอิญ ผ่านการกดถูกใจ หรือการพูดคุยในโพสต์ หรือการมีเพื่อนร่วมกัน เหมือนเช่น Facebook
Facebook Page
Facebook จะเน้นการเชื่อมโยงกับบุคคลในระดับกว้าง ไม่เฉพาะเจาะจงถึงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือผู้ใดผู้หนึ่ง
หลังจากที่ Facebook มีการปรับระบบการแสดงผลโพสต์จาก Facebook Page ใหม่ การส่งข้อความ หรือการโพสต์หนึ่งครั้ง ลูกค้าที่ติดตามอยู่อาจเห็น หรืออาจไม่เห็นก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับเนื้อหา และการมีปฎิสัมพันธ์ของผู้ติดตามหรือผู้ที่เห็นโพสต์นั้นๆเป็นหลัก
แน่นอนว่า หากเราโพสต์โปรโมชั่น แต่ไม่โดนใจลูกค้าหรือผู้ที่เห็นโปรโมชั่นมากพอ อัตตราการเห็นก็จะลดลงไปด้วย
มาถึงตรงนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของคุณเองที่จะตัดสินใจว่าธุรกิจของคุณนั้นเหมาะสมที่จะเลือกใช้แบบไหน แต่หากใครคิดว่าดีทั้งสองแบบอยากนำมาใช้ควบคู่กันไปก็สามารถทำได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการจัดสรรงบประมาณให้ลงตัว ซึ่งทั้งคู่ก็สามารถช่วยให้ธุรกิจเพิ่มยอดขายได้ตามที่ตั้งใจไว้ รับรองว่าไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน
คอมพิวเตอร์ควอนตัมคืออะไร ส่งผลกับโลกของเรายังไง?
253 week ago
มาทำความเข้าใจกับยุค Crowd-based Capitalism
253 week ago
Most read this week
Trending
Comments (1)
Please login หรือ สมัครสมาชิก to join the discussion