“Facial Recognition” ก้าวต่อไปเราจะใช้ใบหน้าจ่ายเงิน

“Facial Recognition” ก้าวต่อไปเราจะใช้ใบหน้าจ่ายเงิน

ดิจิตอลและเทคโนโลยี

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

312 week ago — ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

หลายคนอาจยังไม่รู้ตัวเองว่าเคยสัมผัสกับเทคโนโลยี Facial recognition กันมานานแล้ว ง่าย ๆ ก็การแท็กชื่อเพื่อนของเราโดยอัตโนมัติบนรูปที่เราโพสต์ในเฟซบุ๊กนั่นไง เคยสงสัยไหมว่าแม้บุคคลในรูปจะเปลี่ยนการแต่งกาย แต่งหน้าหรือหน้าสด แสดงอารมณ์ที่แตกต่าง ฯลฯ แต่ก็ยังสามารถแท็กชื่อคนคนนั้นได้อย่างถูกต้อง นี่แหละเทคโนโลยีที่กำลังพุ่งเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราในอีกไม่ช้า

 

  • Facial Recognition หรือ ระบบจดจำใบหน้า

เป็นเทคโนโลยีที่สามารถระบุหรือยืนยันบุคคลจากภาพดิจิทัลหรือวิดีโอได้ ซึ่งมีวิธีการทำงานอยู่หลายวิธีแต่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นการเปรียบเทียบลักษณะใบหน้าจากภาพที่เลือกไว้กับใบหน้าในฐานข้อมูลที่มี นับเป็นเทคโนโลยีด้าน AI ที่นำเอาเทคโนโลยีชีวภาพหรือ Biometric เข้ามาผสานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็วให้อีกด้วย

 

ความจริงเทคโนโลยีนี้มีมานานพอสมควรแล้ว ในสมาร์ทโฟนตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ก็มีมาให้ใช้กันหลายรุ่น แต่อาจไม่ค่อยนิยมเพราะมีระบบความปลอดภัยที่ยังต่ำอยู่ จนเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเพราะค่าย Samsung ได้หยิบเอามาโปรโมตใน Samsung Galaxy S8 และที่ดูจะถูกพูดถึงกันมากก็คงจะไม่พ้น iPhoneX ของ Apple ที่มีฟังก์ชัน Face ID สำหรับปลดล็อกหน้าจอ

 

  • ปฏิวัติระบบความปลอดภัย

เรียกได้ว่าเทคโนโลยี Facial Recognition ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบความปลอดภัยในสมาร์ทโฟนไปแล้ว และไม่แต่เพียงเท่านี้มันกำลังกระจายไปอยู่ในหลากหลายวงการ เช่น ถูกนำมาใช้รักษาความปลอดภัยในสนามบินหรือสถานที่ต่าง ๆ หรือใช้ควบคู่กับกล้องวงจรปิดหรือ Gadget บางอย่างเพื่อตรวจจับภาพใบหน้าอาชญากร นอกจากการตรวจจับใบหน้าแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังสามารถระบุลักษณะทั่วไปของบุคคลได้อีกด้วย เช่น เพศ เชื้อชาติ อายุ ซึ่งข้อมูลที่ได้สามารถนำมาใช้ในการยิงโฆษณาแบบเฉพาะกลุ่ม และที่ใกล้ตัวเราตอนนี้ก็คือมันกำลังเข้ามาอยู่ในวงการค้าปลีกบ้างแล้ว

 

  • ยิ้มแล้วจ่าย ก็ได้กินไก่ทอด

จากความสามารถพื้นฐานของเทคโนโลยีนี้ก็คือการตรวจจับใบหน้าบุคคล และได้รับการพัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งสามารถนำมาใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อทำการชำระเงินได้แล้ว เริ่มจากโลกออนไลน์ที่มาสเตอร์การ์ดได้เปิดตัว MasterCard Identity Check โซลูชั่นที่ช่วยในเรื่องการยืนยันตัวตนของผู้ถือบัตรเพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์ ต่อมาเป็นการเชื่อมสู่ออฟไลน์โดยที่เฟซบุ๊กกำลังพัฒนาเทคโนโลยีนี้เพื่อใช้ปรับปรุงงานบริการลูกค้าในร้านค้าปลีกแบบมีหน้าร้านและใช้สำหรับจ่ายเงินในร้านค้าได้ต่อไป

 

และที่ได้รับความสนใจอย่างมากก็คือร้าน KFC ในเมืองหางโจว ประเทศจีน ซึ่งสาขานี้เป็นร้านคอนเซปต์ในชื่อ KPRO สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ในการชำระเงินได้แล้ว ซึ่ง KFC ได้นำระบบที่ชื่อ “Smile to Pay” มาใช้ แค่ลูกค้ากดสั่งอาหารที่เครื่อง สแกนใบหน้า และใส่เบอร์โทรศัพท์เท่านี้ก็สามารถสั่งอาหารได้ ซึ่งระบบจะทำการชำระเงินออนไลน์สำหรับผู้ใช้บริการ Alipay ถือได้ว่าเป็นร้านฟาสต์ฟู้ดต้นแบบแห่งแรกของโลกที่มีการใช้ระบบแบบนี้

 

  • อาวุธสำคัญชิ้นใหม่ของร้านค้าปลีก

นอกจากนี้ เทคโนโลยี Facial Recognition ยังกลายมาเป็นอาวุธสำคัญสำหรับร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมของจีน โดยบริษัท ซูหนิง คอมเมิร์ซ กรุ๊ป ผู้บริหารร้านค้าปลีกในจีนกว่า 1,500 แห่ง ได้เปิดตัวร้านไร้พนักงานชื่อ "biu" จำนวน 5 แห่ง ซึ่งร้านไร้พนักงานนี้ได้ผสานเทคโนโลยีจดจำใบหน้า, RFID, Big Data และออนไลน์เพย์เม้นต์เข้าด้วยกัน ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ในการช็อปปิ้งที่รวมความสะดวกแบบออนไลน์ไว้กับออฟไลน์ คือแค่เดินเข้ามาในร้าน สแกนใบหน้าบริเวณทางเข้า ระหว่างที่เลือกซื้อสินค้า ก็มีระบบที่จะช่วยบันทึกสินค้าต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ และเดินออกจากร้านได้เลย โดยใช้เวลาในการจ่ายเงินเพียงแค่ 15 วินาทีเท่านั้น

 

เทคโนโลยีการจดจำใบหน้านี้อาจเป็นตัวอาวุธสำคัญชิ้นใหม่ให้กับร้านค้าปลีกใช้สู้กับร้านค้าออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะได้รวบรวมเครื่องมือหลาย ๆ อย่างที่ช่วยเก็บข้อมูลผู้บริโภคไว้ให้ เช่น อายุ เพศ ความสนใจ ฯลฯ จะทำให้ร้านค้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้นนั่นเอง

 

Comments