หากกล่าวถึงธุรกิจที่เกิดใหม่ขึ้นในปัจจุบัน คงนับกันไม่ถ้วน เด็กรุ่นใหม่ต่างก็หันมาสร้างธุรกิจของตัวเองกันเต็มไปหมดด้วยเหตุผลนานัปการ แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เถ้าแก่หรือนักธุรกิจรุ่นใหม่ไม่ควรทำมีอะไรบ้าง

1. มีข้ออ้างหรือข้อแก้ตัว

สิ่งแรกที่นักธุรกิจไม่ควรทำคือการมีข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวให้กับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการกระทำหรือคำพูด เมื่อเราได้ทำบางสิ่งที่ผิดพลาดลงไป เราควรยอมรับข้อผิดพลาดนั้นอย่างเปิดเผยและซื่อสัตย์ หรือการพูดบางสิ่งออกไปแล้ว เราไม่ควรกลับคำพูด เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนส่งผลต่อตัวเราซึ่งเป็นนักธุรกิจและธุรกิจที่เราเป็นเจ้าของอยู่

ไม่ว่าใครต่างก็พบเจอความผิดพลาดด้วยความไม่ตั้งใจอยู่เสมอ เราควรยอมรับและรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้เกิดขึ้น และลงมือแก้ไขมัน เพราะสิ่งนี้จะช่วยนำความสำเร็จมาสู่ธุรกิจของเรา

2. อดนอนและทำงานหนัก

การนอนหลับถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนเรา เพราะการนอนหลับดีต่อการทำงานของร่างกายและสมอง ช่วยให้เรากลับมากระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่ง สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานต่างๆ ให้ออกมาดีมากขึ้น สามารถทำงานให้เสร็จลุล่วงไปได้อย่างไม่มีปัญหา โดยที่เราไม่ต้องลำบากเลยสักนิดเดียว

แม้ว่าการทำงานหนักจะให้ผลลัพท์ที่สวยงาม แต่หากเราให้เวลาอยู่แต่กับธุรกิจหรือสิ่งอื่นๆ จนต้องสละเวลาส่วนหนึ่งที่ควรจะเป็นเวลาพักผ่อนของเราไป ก็อาจทำให้ธุรกิจไม่มียั่งยืนอย่างที่ควรจะเป็น เพราะการอดนอนหรือการที่ร่างกายเราพักผ่อนไม่เพียงพอนั้น อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพให้แย่ลงก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะส่งผลถึงการบริหารธุรกิจของเราด้วย เราจึงควรปรับเปลี่ยนหรือจัดการบริหารเวลาต่างๆ ทั้งในเรื่องของการทำงานและการพักผ่อนให้เหมาะสมด้วย

3. รายล้อมไปด้วยคนคิดลบ

การมีความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเป็นเรื่องทีดี แต่หากมีใครที่พยายามที่จะดึงคุณลงมาจากความฝันและเป้าหมาย คุณควรที่จะรู้ตัวและเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้น พร้อมมองหาใครสักคนที่จะช่วยพาคุณเดินไปข้างหน้า ใครสักคนที่จะเป็นผู้นำให้กับคุณ ใครสักคนที่จะทำให้คุณมีความคิดพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น

สิ่งที่นักธุรกิจควรทำคือการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ผู้ประสบความสำเร็จ และผู้ที่มีความคิดไปในทิศทางเชิงบวก เพราะพวกเขารู้วิธีการดีๆ ที่จะส่งเสริมธุรกิจให้กับเรา

4. ล้มเลิกจากความล้มเหลวเพียงครั้งเดียว

การกลัวความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไม่ควรล้มเลิกเป้าหมายเพียงเพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่เคยล้มเหลวมาก่อน คนที่ประสบความสำเร็จต่างก็พบเจอกับความล้มเหลวและเรียนรู้เพื่อจะประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

เมื่อคุณเริ่มคิดทบทวนถึงสิ่งเหล่านี้ดู คุณจะรู้สึกกลัวน้อยลง และมันคงดีมากถ้าคุณได้เติบโตขึ้นจากความผิดพลาดของตัวเอง และเมื่อนั้นคุณนั่นเองคือผู้ชนะ

5. ทำอย่างมักง่าย

นักธุรกิจคงรู้กันอยู่แล้วว่าทุกการกระทำและคำพูดต่างส่งผลต่อธุรกิจของเขา และความมักง่ายนี้ทำให้เกิดผลเสียต่อธุรกิจได้ไม่น้อย เมื่อคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าแล้ว เราไม่ควรทำอย่างมักง่ายเพื่ออยากให้งานเสร็จออกมาเร็วๆ

นักธุรกิจที่ดีจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ และการทำงานอย่างมักง่ายไม่ใช่ตัวเลือกที่เขาจะเลือกทำ เพราะการทำงานอย่างมักง่ายนั้น จะทำลายคุณค่าของธุรกิจลง

6. ไม่กล้าคิดใหญ่

นักธุรกิจที่ดีจะมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาจะคิดใหญ่และมองการณ์ไกลเสมอ ไม่มีอะไรที่จะคลุมเครือหรือสูงเกินไป แต่แทนที่จะมัวแต่นั่งมองและรอคอยให้มันเกิดขึ้น เราควรเริ่มต้นทำมันด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากการตั้งเป้าหมายใหญ่ และเป้าหมายรองลงมา เพื่อทำให้สำเร็จไปทีละอย่าง เพียงพวกเขาได้เริ่มลงมือทำ ก็สามารถเข้าถึงพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

7. ละเลยคุณธรรมจริยธรรม

การลงทุนทำธุรกิจก็ต้องหวังผลกำไรเป็นธรรมดา แต่ต่อให้พวกเขาต้องการ ‘เงิน’ มากแค่ไหน นักธุรกิจที่ดีจะไม่ยอมเสียคุณธรรมจริยธรรมไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน หากจะหาเหตุผลมาอธิบายว่าทำไมเขาถึงปล่อยโอกาสที่เหมือนจะดีแบบนี้ไป และเดินหน้าตามแผนของพวกเขาต่อ เขารู้สึกเป็นเกียรติเมื่อได้กล่าวถึงความคิดเห็นของเขาออกมา และไม่ว่าอย่างไร เขาจะทำตามอย่างที่เขาเชื่อ

8. ปล่อยให้คนอื่นมากำหนดความสำเร็จของเรา

อินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทกับคนเรามากขึ้น ซึ่งเป็นโลกที่ผู้คนคิดว่าสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ และตัดสินความสำเร็จของคนอื่นๆ ได้ และเราปล่อยให้คำพูดของคนแปลกหน้าเข้ามากัดกินความฝันของเรา เป็นราคาที่เราต้องจ่ายเพื่อได้ทำสิ่งที่เราชอบ ซึ่งบางครั้งความคิดเห็นเหล่านั้นได้เข้ามาทำลายความเชื่อมั่นใจตัวเองอย่างไม่สมเหตุสมผล ซึ่งความจริงแล้วมีเพียงคนเดียวที่สามารถกำหนดความสำเร็จของเราได้นั้นคือตัวเราเอง

9. ไม่เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเอง

ผู้ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ รู้ดีว่าพวกเขาทำผิดพลาดมามากมายในระหว่างการสร้างธุรกิจให้เติบโต และพวกเขาก็เรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเหล่านั้น แทนที่จะผลักเขาออกไปรวมกับความผิดพลาดอื่นๆ พวกเขาเลือกที่จะเจาะลึกลงไปถึงปัญหา เพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ถูกต้อง และได้ผลออกมาในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป