331 week ago — ใช้เวลาอ่าน 8 นาที
การชมภาพยนตร์นับเป็นกิจกรรมโปรดของใครหลาย ๆ คน แต่ไม่ใช่ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ทุกคนจะชื่นชอบ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการเลือกชมภาพยนตร์ของแต่ละคน อาทิ ประเภทของภาพยนตร์ นักแสดง ผู้กำกับ และรีวิวจากผู้ที่ได้รับชมหนังมาแล้ว โดยปกติในภาพยนตร์ทุก ๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นแนวแอคชั่น คอมเมดี้ แฟนตาซี ฯลฯ หรือภาพยนตร์ที่ค่อนข้างเครียดอย่างภาพยนตร์ชีวประวัติบุคคลหรือประวัติการณ์ก็มักให้ข้อคิดกลับมาอยู่เสมอไม่มากก็น้อย
หากพูดถึงแง่มุมในการชมภาพยนตร์กับผู้ประกอบการ SMEs ที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นหรือกำลังหมดไฟ ภาพยนตร์บางเรื่องอาจให้ข้อคิดและจุดไฟหรือสร้างแรงบันดาจใจได้อยู่ไม่น้อยทีเดียว นี่คือภาพยนตร์ดี ๆ 5 เรื่องที่อยากแนะนำให้คนที่่กำลังเหน็ดเหนื่อยกับการทำธุรกิจได้หาดูกันสักครั้งหนึ่ง
Pirates of Silicon Valley โจรสลัดแห่งหุบเขาซิลิคอน (1999)
ในโลกธุรกิจคงไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก บิล เกตส์ (Bill Gates) และ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ทั้งคู่เปรียบเสมือนเจ้าพ่อแห่งวงการไอที ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นจากวิกฤตช่วงเวลาที่อาจเรียกว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของทั้งคู่เลยก็ว่าได้
เรื่องย่อ ๆ ก็คือจ็อบส์และเพื่อนสนิทได้ก่อตั้งและสร้างคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของพวกเขาขึ้นมา โดยนำเอา Graphic User Interface และเมาส์ เข้ามาใช้และเกิดเป็นระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า Macintosh ภายใต้ชื่อแบรนด์ Apple ขณะที่ เกตส์ เจรจาขายโปรแกรม Dos ให้กับ IBM และเนื่องจากเขาไม่สามารถพัฒนาโปรแกรมได้ทันเวลาจึงซื้อโปรแกรมจากบริษัทแห่งหนึ่งในราคากว่า 5 หมื่นดอลล่าร์ และเอามาขายต่อในราคาที่สูงกว่า ทำรายได้ให้กับเขาอย่างมหาศาล
ต่อมา เกตส์ ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อจะขโมยไอเดียของจ็อบส์มา โดยได้ติดต่อเสนอว่าจะทำโปรแกรมให้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องให้เขานำ Mc ต้นแบบกลับไปด้วย และด้วยความไว้ใจนี้เองทำให้จ็อบส์ ต้องออกจากบริษัทที่สร้างขึ้นมาด้วยหยาดเหงื่อของตัวเองด้วยความเจ็บปวด
ท้ายที่สุด สตีฟ จ็อบส์ ได้คืนกลับตำแหน่งผู้บริหาร Apple อีกครั้ง จากการสนับสนุนทางการเงินของ บิล เกตส์ ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางธุรกิจ”
The Pursuit of Happyness ยิ้มไว้ก่อน พ่อสอนไว้ (2006)
“Don’t ever let someone tell you, you can’t do something. Not even me. You gotta dream, you gotta protect it. People can’t do something themselves, they want to tell you ‘you can’t do it’. You want something, go get it. Period.”
“อย่าให้ใครมาบอกว่าลูกทำอะไรไม่ได้ แม้แต่พ่อเอง เมื่อลูกมีความฝันลูกต้องรักษามันไว้ คนที่ทำบางสิ่งบางอย่างไม่ได้ เขาก็จะบอกว่าลูกทำไม่ได้ด้วย ถ้าต้องการอะไร จงคว้ามันมาให้ได้” วลีเด็ดจากภาพยนตร์ที่ คริส การ์ดเนอร์ (Chris Gardner) ได้สอนลูกชายคนเดียวของเขา
ภาพยนตร์ที่นำมาจากเรื่องจริงของ คริส การ์ดเนอร์ ด้วยเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนจากความล้มเหลวทางธุรกิจ ทำให้เขาและครอบครัวต้องเผชิญกับความลำบากด้านการเงิน จนทำให้ภรรยาตัดสินใจทิ้งเขาและลูกชายวัย 5 ปีไป การ์ดเนอร์ต้องทำหน้าที่เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว กระเสือกกระสนทำทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงตนและลูกชาย เมื่อไม่มีเงินจ่ายค่าที่พักทำให้กลายเป็นคนไร้บ้านต้องนอนตามที่ต่าง ๆ ด้วยความยากลำบาก จนวันหนึ่งเขาได้มาทำงานเป็นโบรกเกอร์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง เขาพยายามอย่างหนัก ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ จนความพยายามนั้นทำให้เขากลายเป็นสุดยอดนักขายระดับตำนานของอเมริกา
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของ คริส การ์ดเนอร์ ที่ต้องต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ แต่เขาไม่เคยย่อท้อต่อความลำบากนั้น และประสบความสำเร็จในที่สุด สะท้อนถึงวลีหนึ่งที่เรามักพูดและได้ยินกันบ่อย ๆ ที่ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”
ในธุรกิจก็เช่นกัน การเริ่มต้นธุรกิจหรืออยู่ในช่วงซบเซา ให้พึงมองไว้ว่า อุปสรรคมักเข้ามาขัดความสำเร็จอยู่เสมอ เพียงเราไม่ยอมจำนนต่ออุปสรรคนั้น ความสำเร็จจะอ้าแขนรอเราอยู่ข้างหน้า ดังคำพูดของการ์ดเนอร์ “You gotta dream, you gotta protect it. (ถ้ามีความฝัน จงรักษามันไว้)”
The Social Network เดอะโซเชียลเน็ตเวิร์ก (2010)
ว่าด้วยเรื่องของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้ง Facebook ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมประจำวันของทุกคนไปแล้ว
ภาพยนตร์ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือเรื่อง The Accidental Billionaires หนังเล่าเรื่องราวความสำเร็จในชีวิตของมาร์ก ที่กว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ต้องพบเจออะไรมาบ้าง แม้ว่ามาร์ก (ตัวจริง) จะออกมาพูดว่าหลายอย่างในภาพยนตร์ถูกบิดเบือนจากความจริงไปเยอะมาก ๆ ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนอเรื่องราวผ่านการสนทนาจากแง่มุมของแต่ละตัวละคร แสดงมิติของแต่ละตัวออกมา ผ่านการกระทำและความคิดต่าง ๆ ที่อาจไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ได้ร้ายจนน่ารังเกียจ ทำให้เราได้เห็นถึงความร้ายกาจ การหักหลัง การช่วงชิงไหวพริบในการสร้างผลงานออกมาในโลกของธุรกิจ
หากมองในแง่ของธุรกิจ คงพูดไม่ได้เต็มปากว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิด แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าใดนัก เพราะในความเป็นจริง การช่วงชิงไหวพริบในการทำธุรกิจหรือการหักหลัง การเหยียบคนอื่นเพื่อจะได้ยืนอยู่ในจุดสูงสุดก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ จนทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาให้เราคอยตามแก้กันอยู่เรื่อย ๆ อย่างแน่นอน
ดังนั้น หากไม่ต้องการความวุ่นวายหรือปัญหาที่อาจตามมาในอนาคต จึงควรการทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
The Wolf of Wall Street คนจะรวย ช่วยไม่ได้ (2013)
“ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ บ้าระห่ำ” อาจเป็นนิยามของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เพราะภาพยนตร์ได้นำเสนอแง่มุมการนำตัวเองไปสู่ความร่ำรวยของคนคนหนึ่งที่มีฉายาว่า “หมาป่าแห่งวอลล์สตรีท (The Wolf of Wall Street)” จอร์แดน เบลฟอร์ท (Jordan Belfort) มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจากการเป็นโบรกเกอร์ที่สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลมากถึง 50 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
แต่กว่าจะร่ำรวยมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเท่าไรนัก เพราะเขาต้องล้มลุกคลุกคลานกับการปั้นธุรกิจให้เป็นรูปเป็นร่างอยู่ระยะหนึ่งเหมือนกัน และด้วยพรสวรรค์หรือความฉลาดแกมโกงของเขาได้หลอกใช้คนมากมาย สร้างสะพานให้เขาเดินทางไปสู่จุดสูงสุดของความร่ำรวยได้สำเร็จ
ต่อมา เบลฟอร์ท สูญเสียทุกอย่างหลังจากเข้าไปพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย และถูกจับคุมขังนานถึง 22 เดือน แต่เขาก็สามารถเรียกทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมาได้ด้วยความสามารถของเขาเองจริง ๆ ไม่ใช้ชีวิตในเส้นทางสีเทาเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าการทำธุรกิจที่ไม่สุจริตหรือการไม่เคารพหรือให้เกียรติคนที่เราเคยทำงานร่วมกันมา แม้จะนำพาความร่ำรวยมาสู่เรา แต่ท้ายที่สุดแล้วก็จะไม่เหลืออะไรเลย
แต่ความเก่งกาจของ เบลฟอร์ต นั้นเป็นของจริง และการปรับเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้เขากลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง ซึ่งประสบการณ์และความสำเร็จนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแง่คิดต่าง ๆ ให้เราได้เก็บไปเรียนรู้และต่อยอดพัฒนาศักยภาพของเราเอง ให้ประสบความสำเร็จได้เฉกเช่นเดียวกันกับเขา
The Founder อยากรวยต้องเหนือเกม (2016)
อีกหนึ่งเรื่องที่ภาพยนตร์ได้แสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของคนทำธุรกิจ ผ่านตัวละครที่ชื่อว่า เรย์ คร็อก (Ray Kroc) จากเซลส์แมนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มีความทะเยอทะยานสูงจนกลายมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งหากดูจากภาพปกก็คงจะพอคาดเดากันได้บ้างแล้วว่าคน ๆ นี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับ แมคโดนัลด์ (McDonald)
แมคโดนัลด์ที่เราเห็นกันอย่างทุกวันนี้ เกิดจากความฉลาดและเล่ห์เหลี่ยมเล็ก ๆ ของ คร็อก จากเดิมเป็นเซลส์แมนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มีความทะเยอทะยานสูง ไม่สนใจว่าต้องสูญเสียอะไรเพื่อแลกกับบางสิ่งที่ตนอยากได้ จนวันหนึ่ง คร็อก เห็นโอกาสในการสร้างความร่ำรวยให้กับตนเอง หลังจากได้พบกับ 2 พี่น้อง แม็ค และ ดิ๊ค แมคโดนัลด์ เจ้าของร้านเบอร์เกอร์ที่มีชื่อเสียง มีระบบการจัดการและมาตรฐานที่ดีมาก ๆ และแม้ว่าอุดมการณ์ของ 2 พี่น้องจะไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ คร็อก อยากทำ แต่สุดท้าย คร็อก ก็โน้มน้าว 2 พี่น้องให้ขยายแฟรนไชส์ได้สำเร็จ
แต่ความฉลาดแกมโกงของ เรย์ คร็อก ที่เปิดแฟรนไชส์สาขาอื่น ๆ เพิ่มโดยใช้ชื่อของตัวเอง และมีสาขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเขาอย่างมหาศาล และกลายเป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน
จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เห็นถึงความทะเยอะทะยานของตัวละคร ความมุ่งมั่นที่จะไปสู่ความสำเร็จ แม้ว่าจะผิดวิธีไปบ้าง แต่ความตั้งใจนี้ควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่างอย่างมากในการทำธุรกิจ
จากภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่อง จะเห็นได้ว่า ทุกตัวละครต่างมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำตามเป้าหมายที่วางไว้ และประสบความสำเร็จได้ในที่สุด แม้จะต้องล้มลุกคลุกคลาน เจออุปสรรคต่าง ๆ มากมาย แต่พวกเขาไม่เคยย่อท้อ และเดินหน้าเผชิญกับปัญหาเหล่านั่นอย่างแน่วแน่ ซึ่งข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เหล่านี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของเราได้อย่างแน่นอน
หากใครที่กำลังหมดไฟ ลองดูภาพยนตร์เหล่านี้เพื่อมองหาแรงบันดาลใจดี ๆ ในการทำธุรกิจกัน นอกจากภาพยนตร์ 5 เรื่องนี้ ยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราได้อีกมากมาย ลองหาชมกันสักเรื่องสองเรื่องนะคะ บางทีไฟที่กำลังริบหรี่อาจลุกโชติช่วงขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้
คอมพิวเตอร์ควอนตัมคืออะไร ส่งผลกับโลกของเรายังไง?
248 week ago
มาทำความเข้าใจกับยุค Crowd-based Capitalism
248 week ago
Most read this week
Trending
Comments
Please login หรือ สมัครสมาชิก to join the discussion