269 week ago — ใช้เวลาอ่าน 6 นาที
ขอเริ่มต้นด้วยการถามคุณว่า อย่างที่ทราบกันว่ามนุษยชาติได้ใช้ประโยชน์มหาศาลจากความร่ำรวยที่โลกมีให้ และประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดว่าจะเป็นไปได้ และจะยังคงทำเช่นนั้นต่อไปเพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น แต่ในขณะที่ทำอยู่เช่นนั้น ชีวิตของเรากำลังแขวนอยู่บนบันไดแห่งความเสี่ยงหรือไม่? หากไม่เป็นเช่นนั้นเหตุใดคำเหล่านี้ เช่น 'ความเครียด' 'หมดแรงจูงใจ' 'การขาดประสิทธิภาพ' จึงมาจ่อคิวอยู่ตรงหน้าเรา
ฉันแน่ใจว่าคุณเองก็คุ้นเคยกับคำเหล่านี้เช่นกัน จากรายงานเกี่ยวกับความเครียดของการทำงานและลูกจ้างในธุรกิจขนาดเล็กระบุว่า ทุกวันนี้เจ้าของธุรกิจกำลังเผชิญกับความเครียดอย่างหนัก และสาเหตุสำคัญบางประการคือ การทำงานที่มากเกินไป การขาดการรับรู้ ความกลัวหรือความกังวลใจ ปัญหาเกี่ยวกับความก้าวหน้าในอาชีพ ฯลฯ ดังนั้น เราจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงานนี้ได้อย่างไร เรื่องนี้อาจทำเหมือนว่าลืม ๆ ไปซะก็ได้ในตอนนี้ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่หายนะได้ วิธีหนึ่งที่จะแก้ปัญหานี้ได้ก็คือ การทำความเข้าใจกับสิ่งที่อยู่ภายในใจของเรา รับฟังกระบวนการความคิดของเรา และการสร้างพลังงานเชิงบวกเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของการทำงานที่มีความสุขและเป็นบวกมากขึ้น
ทั้งหมดที่ว่ามานี่ก็คือ - “สติ”
“สติ” คืออะไร?
คำว่า “สติ” นั้นมาจากคำภาษาบาลี แปลว่า 'ความระลึกได้ ความนึกขึ้นได้ ความไม่เผลอ ฉุกคิดขึ้นได้ การคุมจิตไว้ในกิจ' การฝึกสติได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และถือเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม
ดังนั้น สติคืออะไร? ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ สติจะทำให้รู้ถึงสถานะปัจจุบันที่คุณเป็นอยู่
จอน คาบัท ซินน์ (Jon Kabat-Zinn) บิดาแห่งการเจริญสติทางการแพทย์ ผู้เริ่มใช้หลักการ MSBR (mindfulness-based stress reduction คือ วิธีการใช้การรับรู้อยู่กับ ณ ปัจจุบันช่วยให้ลดความเครียด) กล่าวว่า “การมีสติคือการรับรู้เท่าทันจิตใจโดยไม่ด่วนตัดสินตีความสิ่งที่รับรู้ในขณะนั้น ซึ่งความคิดดังกล่าวเคยถูกฝังอยู่ในแง่ลึกของจิตใจและร่างกายของเราที่ที่สติของเราตั้งอยู่”
ในที่ทำงานการมีสติมีประโยชน์อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าคุณจะทำภารกิจอะไรอยู่ การเอาใจใส่ต่องานตรงหน้าและการมีใจจดจ่ออยู่กับงานจะเป็นประโยชน์กับคุณได้หลายทาง
ประโยชน์ของการมีสติในที่ทำงาน
สถานประกอบการที่ทันสมัยมักวนเวียนอยู่กับเรื่องของไฟล์งาน เดดไลน์ เป้าหมาย หยุดพักดื่มกาแฟ และการประชุมอยู่ไม่รู้จบ เพื่อให้ทันกับวงล้อที่หมุนวนนี้ คุณจำเป็นต้องฝึกฝนการมีสติ และส่วนที่ดีที่สุดของการมีสติก็คือใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อวันในการฝึกฝนศิลปะในการใช้ชีวิตเรื่องนี้ และก่อนที่คุณจะรู้ตัวอีกทีคุณก็กลายเป็นมืออาชีพในการรับมือกับปัญหาไปเสียแล้ว
1. การฝึกสติช่วยเพิ่มความจำ
การเป็นเจ้าของและดำเนินธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะต้องจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกแง่มุมของธุรกิจให้ได้ แม้ว่าความคิดในการมีผู้ช่วยส่วนตัวให้ฟังดูมีฐานะ แต่ทำไมไม่ฝึกจิตใจของคุณเองให้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ดีที่สุดสำหรับคุณล่ะ? ใช่แล้ว การมีสติสามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้โดยการเพิ่มประสิทธิภาพความจำ ฝึกฝนจิตใจของคุณให้ใส่ใจสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกอย่างที่คุณทำโดยการมุ่งมั่นอยู่กับกิจกรรมจนเสร็จสิ้น สิ่งนี้จะไม่เพียงปรับปรุงเรื่องความจำของคุณ แต่จะช่วยให้คุณทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. การมีสติช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญได้ดีขึ้น
โดยทั่วไปเรามักคิดว่าการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันจะช่วยให้ทำงานได้สำเร็จภายในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ อย่างไรก็ตามความเป็นจริงอยู่ไกลจากความเข้าใจนี้มาก จิตใจของมนุษย์ไม่ได้ถูกรฝึกฝนให้ทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ และหรือแม้ว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณประสบความสำเร็จมาก ในความเป็นจริงถ้าคุณซอยงานทุกอย่างออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วละก็ คุณจะรู้ว่าคุณจะทำงานให้เสร็จได้ต้องใช้เวลานานขึ้น
นี่คือที่มาของการต้องฝึกสติเพื่อเพิ่มความจำของคุณ และความจำที่ดีจะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของงานได้ดีขึ้น
3. การฝึกสติช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์
การต้องจัดลำดับความสำคัญงานของเราในทุก ๆ วัน การต้องจดจำ และการต้องทำให้ได้ประโยชน์หลาย ๆ อย่างในวันเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและพลังงานเป็นส่วนใหญ่ แต่หากเมื่อความคิดเหล่านี้ถูกล้างออกโดยใช้พลังแห่งสติ จิตใจของคุณ ณ เวลานี้จะกลายเป็นพื้นที่ว่างสำหรับความคิดสร้างสรรค์และมีพลังที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนธุรกิจของคุณไปข้างหน้า
4. สติเพิ่มสมาธิให้ความสนใจของคุณ
ในหัวของคุณกำลังคิดไปถึงการประชุมครั้งต่อไปที่ต้องเข้าร่วม หรืองานต่อไปที่ต้องทำหลังจากอ่านบทความนี้เสร็จ ใช่หรือไม่? ถ้าใช่คุณต้องหยุดทันที พื้นฐานของการฝึกสติตั้งอยู่ที่การใส่ใจในงานปัจจุบันตรงหน้า และไม่มีวิธีที่ดีกว่าในการเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้ ตั้งเป้าหมายที่จะอ่านบทความนี้ให้เสร็จก่อนที่จะไปทำภารกิจต่อไป ในท้ายบทความนี้จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้คุณในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
5. การฝึกสติช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์ได้
ดร. ที. พี. เจีย (Dr. T.P Chia ) กล่าวว่า “อารมณ์มีพลังมากกว่าเหตุผล อารมณ์เป็นแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังการคิดและการใช้เหตุผล”
การมีสติสามารถช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์ได้ การฝึกสติจะช่วยให้พิเคราะห์ถึงช่วงเวลาปัจจุบันโดยไม่ตัดสินจากเหตุการณ์ในอดีตหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และควบคุมการปะทุของงอารมณ์ที่อาจมีในช่วงที่อารมณ์แปรปรวน
6. การฝึกสติช่วยลดความเครียด
ในที่สุดประเด็นทั้งหมดข้างต้นก็สรุปใจความสำคัญว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างก็คิดหาวิธีแก้ปัญหากันหัวแตก คุณจะลดความเครียดได้อย่างไร ผลกระทบที่เกิดจากความเครียดเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับทุกคน และการฝึกสติสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกความกระวนกระวายใจ ความกังวลวิตก ความดันโลหิตสูง และความกระสับกระส่าย ซึ่งจะนำไปสู่ชีวิตที่ปราศจากความเครียด
ใช้เวลาเพียงช่วงครู่ในแต่ละวันเพื่อฝึกสติ หยุดทุกสิ่งที่คุณกำลังทำ ไม่ว่าคุณจะรู้สึกตื่นเต้นแค่ไหน หรือร่างกายของคุณรู้สึกกระสับกระส่ายเพียงใด ให้เวลากับตัวเองสัก 2-3 นาทีเพื่อขจัดความคิดที่ฟุ้งซ่านทั้งหมดออกจากสมอง และมุ่งความสนใจไปที่ปัจจุบัน คุณจะรู้สึกสงบโดยอัตโนมัติ และมีพลังงานบวกไหลผ่านร่างกายและจิตใจของคุณอย่างแน่นอน
คอมพิวเตอร์ควอนตัมคืออะไร ส่งผลกับโลกของเรายังไง?
247 week ago
มาทำความเข้าใจกับยุค Crowd-based Capitalism
247 week ago
Most read this week
Trending
Comments (1)
Please login หรือ สมัครสมาชิก to join the discussion