เป็นเรื่องปกติที่กล่าวกันว่า "สำหรับผู้ประกอบการมักไม่มีเวลาว่าง" มันแทบจะใช้คำว่าชีวิตของผู้ประกอบการไม่มีเวลาว่างตั้งแต่เช้าจนค่ำ แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็เช่นกันที่อาจต้องทำงานพิเศษบางอย่างที่เพิ่มเติมหรืออาจเป็นช่วงเวลาโกลาหลวุ่นวายและการต่อสู้กับปัญหาที่มีเข้ามาและอาจส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของธุรกิจของคุณ ปัญหายังคงเกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงการทำงานไม่ได้

เมื่อพิจารณาจากสิ่งนี้แล้วอาจเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่การใช้เวลาพักชั่วครู่ในการ 'ทำสมาธิ' อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่จะช่วยให้คุณตระหนักถึงวิสัยทัศน์และบรรลุเป้าหมายของคุณ แน่นอนว่าควรต้องจัดการงานทำให้แล้วเสร็จจริง ๆ และตัดเรื่องราวรอบตัวออกไป แต่นี่คือช่วงเวลาพิเศษที่จะสามารถสะท้อนความเข้าใจในตัวตน ความสามารถ และความเข้มแข็งซึ่งจะช่วยให้คุณทุ่มเทความพยายามเพื่อไปสู่เป้าหมายได้มากขึ้น

เส้นทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ชัดเจนขึ้นของคุณอยู่ไม่ไกล และการวิปัสสนาหรือมองเข้าไปข้างในคือกุญแจสำคัญ นี่คือคำตอบว่าการคิดทบทวนช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง:

1. มองสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง - การเป็นผู้ประกอบการเหมือนการอยู่ในวังวนของปัญหา ไม่สามารถที่จะหยุดคิดได้แม้จะเป็นประเด็นปัญหาที่น่าเบื่อก็ตาม และไม่เคยมีสิ่งที่ไม่ต้องทำเพื่อให้บรรลุจุดหมาย อย่างไรก็ตาม การสละเวลาสักนิดเพื่อคิดไตร่ตรองจะช่วยให้เห็นภาพรวมชัดเจนที่จำเป็นมากสำหรับคุณและองค์กรของคุณ มองเห็นจุดที่คุณยืนอยู่ การจัดสรรทรัพยากรจะช่วยให้สามารถจัดการและระบุขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้คุณสามารถดำเนินการต่อไปในทิศทางที่คุณตั้งไว้ เราใช้คุณธรรมแก้ปัญหาในแต่ละวัน สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า แต่การมองเห็นปัญหาตามความเป็นจริงจะนำคุณออกจากปัญหาแล้วนำไปสู่จุดหมายปลายทาง

2. ค้นพบสิ่งสำคัญ - นี่เป็นเรื่องของการพัฒนาตนเอง  เวลาผ่านไปเมื่อเราเติบโตขึ้น สิ่งที่เราปรารถนาและสิ่งที่จำเป็นเปลี่ยนไป สิ่งที่ยิ่งใหญ่ อย่างเช่น เป้าหมายอาจเปลี่ยนนัยใหม่ และเป้าหมายใหม่อาจมีความสำคัญต่อเรา ผู้ประกอบการที่เมื่อตอนเริ่มต้นทำธุรกิจเคยเต็มใจที่จะทุ่มเทเวลาและพลังทั้งหมดลงไปอาจพบว่าในวันนี้การให้เวลากับครอบครัวและลูก ๆ ก็มีความสำคัญเท่า ๆ กัน ในทำนองเดียวกันผู้ประกอบการที่มีเป้าหมายในการสร้างธุรกิจและต่อมาก็ขายกิจการเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์อาจพบว่าพวกเขาต้องการจะทำธุรกิจต่อไปแม้ว่ามูลค่าของกิจการจะมากมายเพียงใดเพราะว่าชีวิตและวิญญาณของพวกเขาได้ลงทุนไปในสิ่งนั้นแล้ว

ความสำคัญจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่การยุ่งตลอดเวลามักทำให้พลาดโอกาสอันน้อยนิดที่จะทำให้รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงและเป้าหมายแท้จริงที่เปลี่ยนไป การยอมเสียเวลาในการทบทวนจะช่วยให้คุณเป็นผู้ประกอบการที่รู้ถึงความต้องการที่แท้จริง

3. ก่อให้เกิดความรู้สึกสงบ - การพิจารณาตัวเองช่วยให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ว่าเป็นเช่นไร มันกำลังมุ่งไปที่ไหน และเราต้องการให้มันไปในทิศทางใด ในระดับที่ลึกขึ้น การพิจารณาใคร่ครวญช่วยให้เรายอมรับและเข้าใจในความล้มเหลวของเราได้ เข้าใจถึงความไม่มั่นคงของเรา และทำให้เราเข้มแข็งขึ้นทั้งด้านจิตใจและอารมณ์ เราทุกคนมีปีศาจอยู่ภายในที่จะคอยต่อสู้กับผู้ประกอบการให้ใช้ความเสี่ยงมากขึ้นในดำเนินกิจการของบริษัท ซึ่งเป็นการเพิ่มระดับความเครียดได้ง่าย ความต้องการของงาน การขึ้นลงของชีวิตประจำวัน ทั้งหมดจะง่ายขึ้นหากได้มีการคิดทบทวนบ้าง ไม่มีอะไรที่จะมาแทนความรู้สึกของความสงบได้ และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับทุกอย่างในอนาคต

ไม่มีทางเลือกสำหรับความรู้สึกสงบและสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับเกือบทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้า

4. เริ่มต้นใหม่ เติมไฟอีกครั้ง - ด้วยปัญหามากมายที่เกิดขึ้นต้องจัดการและวิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวที่ต้องใช้เวลามากมายและพื้นที่ของจิตใจที่จะจัดการ ผู้ประกอบการอาจพบว่าลดแรงจูงใจของพวกเขาเป็นครั้งคราว ความรู้สึกเหนื่อยล้านี้อาจครอบงำและทำให้ไม่สามารถกระตุ้นตัวเองได้ การให้เวลาสำหรับการพิจารณาใคร่ครวญสร้างความรู้สึกสุขสงบ และเป็นการเติมไฟให้กับสมองและจิตวิญญาณของคุณได้ใหม่ ทำให้คุณสามารถรับมือกับความท้าทายที่มีอยู่ในธุรกิจในขณะที่ทุกอย่างก็มุ่งเน้นไปที่การเติบโต

สรุป

ข้อดีของการรู้จักตัวตนข้างในได้สรุปไปแล้ว นี่เป็นเพียงแค่ประโยชน์ส่วนน้อยที่จะได้รับจากการทำสมาธิ โลกภายนอกเต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส การมีสติปัญญาที่กระจ่างใสสามารถเปลี่ยนเกมในชีวิตของคุณได้ ส่วนที่เหลือจะเข้าที่เข้าทางของตัวเอง และจะพบว่าคุณมีพลังที่จะเผชิญหน้าและใช้ประโยชน์สูงสุดจากโอกาสที่คุณมี

วิสัยทัศน์อยู่ในมือคุณ มองเข้าไปข้างในให้สะท้อนออกมาและสัมผัสถึงความแข็งแกร่งภายใน รวมถึงรู้จักตัวตนจริง ๆ ของคุณเอง