การทำประกันภัยในปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างมาก มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้ในธุรกิจประกันภัยเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคเป็นสำคัญ แล้วทำไมผู้บริโภคถึงต้องการเทคโนโลยีประกันภัยใหม่ ๆ ลองมาหาคำตอบกัน

ปัจจัยที่ทำให้เทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อการประกันภัย

1. ลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียล

ชาวมิลเลนเนียลหรือกลุ่มคนที่กำลังเริ่มต้นทำงานอายุราว ๆ 21-37 ปี จะมีจำนวนมากกว่าเจเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์เป็นครั้งแรกในปี 2019 ดังนั้น หลาย ๆ ธุรกิจจึงได้พยายามที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้แล้ว เพราะชาวมิลเลนเนียลเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและใจป้ำมากกว่าเจนอื่น และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่บริษัทประกันภัยควรหันมามุ่งเป้าไปที่ความต้องการของคนกลุ่มนี้

ประกันภัยแบบไหนได้ใจชาวมิลเลนเนียล

• ตอบโจทย์เรื่องเทคโนโลยี ชาวมิลเลนเนียลเติบโตและรู้สึกว่าคุ้นเคยกับเทคโนโลยีได้เร็ว จำเป็นต้องนำเสนอคุณสมบัติของสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับเทคโนโลยี เช่น มีแอปพลิเคชันของตัวเอง และสามารถตั้งค่าบางอย่างเองได้

• หลากหลายช่องทาง ชาวมิลเลนเนียลก็เป็นกลุ่มที่นิยมใช้อุปกรณ์หลายรูปแบบ การเข้าถึงพวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้ช่องทางหลากหลายวิธี เช่น เว็บไซต์ ข้อความ อีเมล และโซเชียลมีเดีย อาศัยวิธีการแบบเดิม ๆ ไม่เพียงพออีกต่อไป

• ความเป็นส่วนบุคคล หรือ Personalized ชาวมิลเลนเนียลต้องการรูปแบบการประกันที่เป็นแบบส่วนบุคคลจริง ๆ และไม่ต้องการเสียเงินไปกับสิ่งที่คิดว่าไม่จำเป็น

• ลูกค้าคือคนสำคัญ การให้บริการที่ดีแก่ลูกค้าคือสิ่งสำคัญสำหรับชาวมิลเลนเนียล การให้บริการแบบซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามักจะได้รับความสำเร็จและได้ใจลูกค้ากลุ่มนี้

2. เรื่องของความปลอดภัย

ข่าวเรื่องของการขโมยข้อมูลส่วนตัวของบริษัทใหญ่ ๆ ในต่างประเทศส่งผลความคิดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเราอย่างมาก อย่างปีที่ผ่านมาเรื่องนี้ก็เป็นข่าวใหญ่โตหลายคนคงจะพอเดาได้ ส่งผลต่อความต้องการความไว้วางใจจากบริษัทโดยเฉพาะประกันภัยอยู่ไม่น้อย

การประกันภัยเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทประกันภัยจะสามารถเก็บความลับของพวกเขาได้อย่างปลอดภัย อย่างที่เคยรู้กันว่ามิจฉาชีพจะใช้เทคโนโลยีในการขโมยข้อมูล แต่เราก็ใช้เทคโนโลยีในการปกป้องเช่นเดียวกัน การประกันภัยจำเป็นต้องยอมรับในเรื่องของเทคโนโลยีหากต้องการที่จะอยู่รอด

เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงการประกันภัย

ต้องยอมรับว่ามีเทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ทุก ๆ ปี และต่อไปนี้คือ 5 เทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันภัย

• Blockchain จะสร้างความโปร่งใสในการตรวจสอบต่าง ๆ ป้องกันการทุจริตในการทำประกันภัย ทำให้การทำสัญญามีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น

• Internet of Things หรือ IoT เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เชื่อมต่อถึงกันผ่านอินเทอร์เน็ต สำหรับธุรกิจประกันภัยถือเป็นวิธีการป้องกันการลงทุน ทำให้พบปัญหาก่อนที่จะได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังช่วยตรวจสอบการเคลมประกันว่าได้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างถูกต้อง ตัวอย่าง IoT ที่นำมาใช้งานแล้ว

• ระบบชี้ตำแหน่งยานพาหนะ สำหรับการประกันภัยรถยนต์ ทำให้ทราบข้อมูลระยะทาง ตำแหน่ง แม้แต่พฤติกรรมการขับขี่ สามารถตรวจพบปัญหา การบำรุงรักษาเจ้าของรถ แจ้งเตือน และปรับการประกันหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข

• Biometrics เซ็นเซอร์สำหรับการติดตามสุขภาพของบุคคลด้วย Wearable device อุปกรณ์เหล่านี้สามารถเตือนผู้เอาประกันภัยถึงปัญหาด้านสุขภาพ บริษัทประกันสามารถลดค่าเบี้ยประกันให้ต่ำกว่าเดิมสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำได้

• การสำรวจสภาพอากาศ สามารถรวมเข้ากับรูปแบบการประกันได้ ผู้ถือกรมธรรม์ เช่น ประกันการเดินทาง สามารถเปลี่ยนแผนหากมีแววว่าอาจต้องยกเลิกหรืออาจปรับราคาได้

• AI เป็นเทคโนโลยีที่สนับสนุนการทำงานร่วมกับ blockchain และ big dataการที่ AI สามารถดึงข้อมูลอย่างสถานที่ตั้งทางกายภาพและโซเชียลมีเดียของลูกค้าทำให้มอบประสบการณ์ใหม่และดีกว่าแก่ผู้เอาประกันภัยได้

• Big Data Analytics การจ่ายเบี้ยประกันและการจ่ายเงินชดเชยจะคำนวณจากจำนวนข้อมูลมหาศาล เทคโนโลยีนี้ทำให้การคำนวณความเสี่ยงมีความแม่นยำมากขึ้น หมายความว่าบุคคลจะจ่ายเบี้ยประกันภัยใกล้เคียงกับความเสี่ยงที่แท้จริง น่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ายุติธรรมกว่าเดิม

• Automation จะเพิ่มประสิทธิภาพของ back office ให้เพิ่มสูงขึ้น นั่นก็เพราะกระบวนการทุกประเภทได้รับการจัดการโดยอัตโนมัติ เช่น

• ระบบที่ลูกค้าสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง ลูกค้าสามารถอัปเดตข้อมูต่าง ๆ ได้เองและไม่ต้องรอการตรวจสอบและปรับปรุงจากพนักงาน ช่วยประหยัดเวลาได้มาก

• การจัดการเอกสาร การใช้ OCR คือการแปลงไฟล์ภาพเอกสารให้เป็นไฟล์ข้อความโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ การจัดการแบบอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นกรมธรรม์หรือเอกสารสำคัญอื่น ๆ สามารถสแกนและยื่นโดยอัตโนมัติไปยังบัญชีลูกค้าที่ถูกต้อง

• ตรวจสอบการเคลม เครื่องมือจับภาพอัตโนมัติมีใช้อยู่แล้วสำหรับธุรกิจประกันภัยรถยนต์ อุปกรณ์เหล่านี้สามารถถ่ายภาพอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วยวิเคราะห์แบบคร่าว ๆ ได้ ให้คำแนะนำในการซ่อมแซมเบื้องต้น การสูญหายหรือการทดแทน ก่อนที่มนุษย์จะมองเห็นด้วยซ้ำ