น้อยแต่มากกับ 6 เคล็ดลับการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

น้อยแต่มากกับ 6 เคล็ดลับการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การเรียนรู้และการพัฒนา

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

256 week ago — ใช้เวลาอ่าน 5 นาที

น้อยแต่มากกับ 6 เคล็ดลับการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

 

เมื่อเราเติบโตขึ้น โลกที่แสนจะกว้างใหญ่ก็เหมือนถูกย่อส่วนลง ถ้าคุณลองใช้เวลาสังเกตตัวเองและสิ่งรอบข้าง คุณจะเห็นเลยว่าทุกคนก็มีปัญหาชีวิตเป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะยุ่งเรื่องงาน กังวลเรื่องครอบครัว เพราะคุณทำหลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกัน จนบางทีก็เป็นเหมือนว่าเรากำลังติดกับดักความคิดของเรา เพราะเราไม่สามารถที่จะโฟกัสที่อยู่ตรงหน้าและทำสิ่งนั้นได้อย่างเต็มที่ ทำให้เรารู้ว่าจริง ๆ แล้วในเวลาที่จำกัด คงมีเพียงไม่กี่อย่างที่เราสามารถทำได้

พูดถึงภาระงานโดยเฉลี่ยที่คนหนึ่งคนสามารถรับได้ต่อวันเมื่อเปรียบเทียบกับลิสภาระงานที่ยาวเหยียด คุณเคยถามตัวเองมั้ยว่าพวกเขามีประสิทธิภาพในการทำงานทั้งหมดจริงหรือ ? เดฟ เครนชอว์ นักเขียนชาวอเมริกันวิทยากรผู้บริหารธุรกิจขนาดเล็กและผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารเวลา พูดว่า กุญแจสำหรับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้จำเป็นต้องเป็นการทำงานที่หนักหรือเป็นการทำงานเยอะ ๆ แต่เป็นการทำงานที่จำเป็น แต่มีประสิทธิภาพต่างหาก ซึ่งฟังดูแล้วไอเดียนี้เหมือนจะง่าย แต่ในความเป็นจริงนั้นยากกที่จะทำ วันนี้เราจึงมีข้อคิดที่สามารถทำให้คุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้

    1.จัดลำดับความสำคัญของงานที่ทำจากมากไปน้อย

เดฟ เครนชอว์ ได้บรรยายในห้องเรียนของเขาว่า วิธีที่ง่ายที่สุดให้จดงานทั้งหมดลงกระดาษ จากนั้นให้เรียงลำดับจากความสำคัญของงานที่มากที่สุดไปน้อยที่สุดและแยกออกจากกัน เพื่อที่จะจัดสรรให้ใช้เวลากับส่วนงานที่จำเป็นหรือเป็นงานที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณในวงกว้าง ส่วนงานที่สำคัญรองลงมาถ้าสามารถให้คนอื่นทำแทนได้ก็ไม่ควรเสียเวลาทำงานนั้น

เมื่อคุณรู้แล้วว่างานไหนควรให้ความสำคัญ ต่อไปคือการลงในตารางเวลาหรือปฏิทินของคุณ เพื่อบริหารจัดการเวลาให้เหมาะสมกับภาระงาน จึงไม่จำเป็นเลยที่คุณจะต้องรับและทำงานทุกอย่าง เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้คุณไม่เสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์

    2.เน้นที่คุณภาพมากกว่าปริมาณเสมอ

ด้วยภาระงานที่มีมากมายเหลือเกิน การเขียนสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันเป็นสิ่งที่ไม่แย่ เพราะมันทำให้เราโฟกัสสิ่งที่จำเป็นต้องทำให้เสร็จในวันนั้น ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นการกดดันเราทางอ้อมก็ตาม เพราะบางครั้งก็ด้วยภาระงานจำนวนมาก ทำให้เกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อน เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นแทนที่เราจะโฟกัสไปที่จำนวนงานที่ได้รับมอบหมาย จะดีกว่าไหมถ้าเราโฟกัสไปที่คุณภาพของงาน และคุณจะเห็นว่าการทำงานของคุณนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    3.วางกลยุทธ์ในการทำงาน

อันดับแรก คือ การเรียนรู้ที่จะปฏิเสธ ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า คุณไม่สามารถทำงานได้ทุกอย่างและทำงานได้ทุกที่ คนส่วนใหญ่นั้นมักจะตอบตกลงกับกับทุกอย่างที่เข้ามา เพราะคุณอยากให้เขาประทับใจในตัวคุณ ไม่อยากให้เขาผิดหวังหรือไม่คุณก็แค่ไม่กล้ามากพอที่จะปฏิเสธ แต่ถ้าคุณเรียนรู้ว่า การปฏิเสธนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่กลับทำให้คุณมีเวลามากขึ้นที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองรักและทำงานที่สำคัญกับคุณเพิ่มมากขึ้น เช่น สมมติว่าคุณต้องทำโครงการสักโครงการหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในแต่ละเดือน แต่ถ้าคุณรู้จักปฏิเสธ คุณก็จะมีเวลาส่วนตรงนั้นไปทำสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าได้เยอะเลย บางทีการที่คุณตั้งใจทำโครงการปัจจุบันอย่างเต็มที่ มีเวลาเข้าร่วมสัมมนาบ้าง หรือมีเวลามากพอที่จะอัด Podcast บ้าง เป็นต้น อาจจะทำให้คุณได้สัมผัสได้ถึงความรู้สึกมหัศจรรย์ สำหรับการเลือกทำในสิ่งที่มีคุณค่าจริง ๆ ก็ได้

    4.อย่าตกเป็นเหยื่อโรคยุคใหม่

โรคตกกระแสความหรือรู้จักกันในนามของ FOMO (Fear Of Missing Out) เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับสังคมยุคปัจจุบันและยังส่งผลกระทบต่อเจนเนอเรชั่นก่อนหน้านี้ด้วย ความกลัวที่เกิดจากการพลาดข่าวสารหรือข้อมูลสำคัญที่คนอื่น ๆ รู้ จะทำให้คุณวิตกกังวลจนเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งคุณต้องเข้าใจว่าชีวิตของเรานั้น การพลาดบางสิ่งบางอย่างเป็นเรื่องปกติ ทำใจยอมรับมันและอย่าตกเป็นเหยื่อโรคยุคใหม่นี้เลย

    5.ซื่อสัตย์กับตัวเอง

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ไหนของชีวิต คุณต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง และให้คุณค่ากับสิ่งที่ตัวเองทำ การตกลงทำงานทุกอย่างที่เข้ามา ไม่ได้แปลว่าคุณต้องทำมันตลอดไป ถ้ารู้ว่างานไหนไม่ได้มีคุณค่าหรือให้ประโยชน์กับคุณ เพราะการที่คุณตัดงานบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไปได้ คุณก็จะมีพื้นที่ให้งานที่มีคุณค่ากับคุณมากขึ้น 

    6.ดูที่ผลลัพธ์เสมอ

สิ่งที่สำคัญคือการที่คุณทำงานน้อยลง ไม่ได้หมายความว่าจะส่งผลกระทบต่อองค์กรในเชิงลบ เพราะสุดท้ายแล้วมีผลลัพธ์เป็นตัวบ่งชี้เสมอ เพราะฉะนั้นการวางแผนงานในแบบที่คุณทำงานน้อยลงแต่สามารถสร้างผลตอบแทนหรือสร้างสรรค์งานที่มีผลกระทบสูงได้ถือว่าเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

สรุป

เนื่องจากทุกคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน การปฏิเสธงานที่ตัวเองไม่ถนัด ไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะการเลือกทำงานที่สำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นก็สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน 

 

จงจำไว้ว่า

  • ควรคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตกลงทำ

  • บริหารจัดการเวลาสำหรับตัวเองและเลือกทำในสิ่งที่ให้คุณค่ากับชีวิต

  • ใช้เวลาผ่อนคลายหลังจากเสร็จงานแต่ละงาน

  • เห็นคุณค่าของงานที่ทำ จะทำให้คุณสามารถทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ดูแลสุขภาพของตัวเอง

  • จงทำงานให้สนุก

หวังว่าบทความนี้จะทำให้คุณสามารถจัดการกับการทำงานในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงเลือกทำงานที่สำคัญและรู้จักปฏิเสธงานที่ไม่สำคัญกับชีวิต

 

Comments