ธุรกิจอาหารยุคนี้คนมองว่าง่าย แต่ในความเป็นจริงไม่ง่ายนะ คู่แข่งเยอะ รสชาติ คุณภาพอาหารต้องได้ ไหนจะเรื่องทำเลอีก บริการส่งอาหาร (Food Delivery) เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องทำเล Foodpanda หรือผู้ให้บริการอื่น ๆ ก็มีเงื่อนไข แตกต่างกันไป

สำหรับร้านอาหารที่จะเข้าร่วม Foodpanda นั้น ก่อนจะเข้าร่วม Foodpanda ต้องมีเงินสำรอง !!! ต้องมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ อย่างน้อย 2 เดือนนะถึงจะใช้บริการแบบหายใจหายคอให้สะดวก อย่าลืมว่าการทำธุรกิจ กระแสเงินสด สำคัญที่สุด เพราะว่าการที่มียอดขายเพิ่มขึ้นก็ต้องซื้อของมากขึ้นตามไปด้วย

Foodpanda จะตัดยอด สิ้นเดือน และจะจ่ายเงินให้เรา ในอีกประมาณ 15 วัน เข้า SCB ถ้าเป็นธนาคารอื่นจะช้ากว่า 2 วัน หมายความว่า เหมือนเราออมเงินไว้ประมาณ 45 วันเลยนะ ถ้าร้านเราต้องใช้เงินมาหมุนซื้อวัตถุดิบ รับรองว่าไม่ทันแน่นอน Foodpanda คอมมิชชั่น 30% (+Vat 7% ของคอมมิชชั่น) ถือเป็นค่าบริการ ค่าระบบ ค่าโปรโมชั่น ค่าโฆษณา ราคาอาหาร ต้องเท่ากับเมนูที่ร้าน

ถ้าเราไปเปิดร้านในห้าง ซึ่งเขาหัก 25% และเร้าต้องรอลูกค้ามาหา ซึ่งก็ต้องแข่งกับร้านข้าง ๆ แต่ Foodpanda เหมือนร้านเราไปอยู่ในมือถือลูกค้าเลย ถ้าลูกค้าไม่กดสั่ง เราก็ขายปกติ แต่ถ้ามีออเดอร์ ก็ค่อยทำก็ได้ จะปิดบางเมนู หรือไม่รับออเดอร์ก็ยังได้ มี Brand Awareness ตลอดเวลา แม้ว่าไม่ได้ซื้อร้านเราถ้าจะไม่สั่งผ่าน Foodpanda ก็ค่อยมาใช้บริการที่ร้านเองก็ได้ เราได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย เพราะว่าเพิ่งรู้ว่ามีร้านเราอยู่ใกล้ ๆ จากการดูบนมือถือของลูกค้า

ในมุมมองของผม Foodpanda ช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกในการบริโภคมากขึ้น ร้านอาหารมียอดขายเพิ่มขึ้น น้อง ๆ Foodpanda Riders ก็มีรายได้ และที่สำคัญ พ่อค้าแม่ค้าวัตถุดิบ ในตลาด ก็ขายได้เพิ่มขึ้นด้วย จะเห็นว่าทุกคนได้ประโยชน์ หากบริหารจัดการดี เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นมหาศาล เป็นความคุ้มที่แตกต่างกัน ทำการตลาดออนไลน์ได้อีก

ถ้าด้านความคล่องตัว และโอกาสการขยายออนไลน์ดูเหมือนจะคุ้มในระยะยาวกว่า มันเป็นเครื่องมือเท่านั้น เราก็ต้องพัฒนาคุณภาพ เพิ่งส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้า ไม่ไหว บอกไหว