272 week ago — ใช้เวลาอ่าน 6 นาที
ความลับในการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จคือการได้ลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้าเก่า การขายนับเป็นเป็นเกมที่ยาก และเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เราต้องเข้าใจถึงความแตกต่างของการได้ลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้าเก่า
ในบทความนี้จะได้เรียนรู้:
การสร้างลูกค้าใหม่คืออะไร
ขั้นตอนในการซื้อของลูกค้า
วิธีในการรักษาลูกค้า
มาเริ่มด้วยการทำความเข้าใจว่าการซื้อของลูกค้าคืออะไร
การได้มาซึ่งลูกค้า
การซื้อของลูกค้าหมายถึงการได้ลูกค้าใหม่สำหรับธุรกิจ การหาลูกค้าใหม่ต้องมีการวางแผนที่เหมาะสมและต้องคำนึงถึงต้นทุนในการได้มาของลูกค้าก่อนเสมอ การได้ลูกค้าใหม่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ เพราะช่วยให้ธุรกิจมีเงินในการจ่ายให้พนักงาน ซื้อทรัพยากรเพิ่มเติม และลงทุนในการเติบโตต่อไปได้
ขั้นตอนการซื้อของลูกค้า
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการได้มาของลูกค้าเกิดขึ้นใน 6 ขั้นตอนหลัก :
การรับรู้ (Awareness)
ความสนใจ (Interest)
การพิจารณา (Consideration)
เจตนา (Intent)
การประเมินผล (Evaluation)
การซื้อ (Purchase)
สำหรับธุรกิจมักจะพูดถึง 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่:
การรับรู้ (Awareness)
นี่เป็นขั้นตอนแรก เป้าหมายหลักในขั้นตอนนี้คือการกระจายการรับรู้เกี่ยวกับสินค้า และบริการในตลาดให้ได้มากที่สุด
การพิจารณา (Consideration)
ขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณา ขั้นตอนนี้ประกอบด้วยลูกค้าที่ได้ดูผลิตภัณฑ์และบริการแล้ว และกำลังพิจารณาที่จะซื้อ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกค้าสนใจผลิตภัณฑ์ของเรา? พวกเขาอาจติดตามแบรนด์ของเราบนโซเชียลมีเดีย หรือสมัครรับจดหมายข่าวทางอีเมล ฯลฯ
การซื้อ (Purchase)
การซื้อเป็นสิ่งสุดท้ายของขั้นตอนการซื้อของลูกค้า ธุรกิจจะต้องใช้ประโยชน์จากขั้นตอนนี้ และแนะนำคูปองส่วนลดหรือบริการจัดส่งฟรี เป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้า
กลยุทธ์ในการสร้างฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่า
1. เข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ
ลองระบุผู้ชมที่เหมาะสมที่มีโอกาสซื้อสินค้าของเรา มีความเป็นไปได้สูงมากที่สินค้าที่เราขายอาจได้รับความสนใจจากคนบางกลุ่มและอาจไม่ได้รับความสนใจจากคนอีกกลุ่ม ในกรณีเช่นนี้เราจึงต้องทำการวิจัยตลาดที่เหมาะสมเพื่อกำหนดว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร
2. ต้นทุนการได้ลูกค้า
ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC) เป็นขั้นตอนต่อไปในการดึงดูดลูกค้าใหม่ คิดจากจำนวนเงินทั้งหมดที่ใช้จ่ายด้านการตลาดและการโฆษณา หารด้วยจำนวนลูกค้าทั้งหมดที่ซื้อสินค้า ในฐานะธุรกิจขนาดเล็กเป้าหมายของเราควรลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับการลงทุนในเว็บไซต์
3. การโฆษณาบนช่องทางต่าง ๆ
วิธีที่ดีในการหาลูกค้าใหม่สำหรับธุรกิจคือการใช้ช่องทางการโฆษณาบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เราสามารถใช้โฆษณา Google หรือโฆษณา Facebook เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้งาน โฆษณาบนโซเชียลมีเดียใช้เมตริกที่เรียกว่า CPM (ราคาต่อการแสดงผลพันครั้ง) เราสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายตามความสนใจและลักษณะอื่น ๆ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด เราสามารถกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการใช้ในการตลาดและปริมาณการเข้าชมที่ต้องการไปยังเว็บไซต์ได้
นอกจากนี้ เรายังสามารถเลือกใช้วิธีการโฆษณาแบบดั้งเดิม เช่น หนังสือพิมพ์, ใบปลิว และโฆษณาสิ่งพิมพ์อื่น ๆ หากกำหนดเป้าหมายไปที่คนรุ่นเก่า เทคนิคการโฆษณาที่หลากหลายทำให้ธุรกิจกระจายการรับรู้เป็นวงกว้าง
4. ใช้ Influencer
สิ่งที่กำลังมาแรงที่สุดในการทำการตลาด คงหนีไม่พ้นการตลาดแบบใช้ Influencer และสำหรับธุรกิจขนาดเล็กนี่อาจเป็นความคิดที่ดีในการเผยแพร่แบรนด์และผลิตภัณฑ์ โดยการจ่ายเงินให้ใครบางคนที่เป็น Influencer บนโซเชียลมีเดีย (Facebook, Instagram, YouTube ฯลฯ ) ที่มีผู้ติดตามเยอะเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณ สำหรับสิ่งนี้เราต้องหา Influencer ที่เหมาะสมและมีความสนใจในผลิตภัณฑ์ของเรา
ข้อได้เปรียบที่สำคัญของการทำการตลาดแบบ Influencer คือการสร้างการรับรู้แบรนด์ และการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ นอกจากนี้หากเราทำงานกับ Influencer ที่แม้จะมีผู้ติดตามน้อย แต่ถ้าสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตรงกลุ่ม ก็จะสร้างยอดขายอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากเลย
5. ทำการตลาดแบบวิดีโอ
การตลาดรูปแบบวิดีโอนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่และมาแรงมากในปัจจุบัน เพราะสามารถเข้าถึงผู้ชมได้ดีกว่า นักธุรกิจและนักการตลาดจึงสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของการตลาดในรูปแบบวิดีโอเพื่อให้ได้ลูกค้าใหม่ทุกวัน วิดีโอนั้นมีประโยชน์อย่างยิ่งหากเรามีผลิตภัณฑ์ที่ต้องการการสาธิตการใช้งาน
6. สร้างลิสต์อีเมลลูกค้า
เป็นความคิดที่ฉลาดในการหาลูกค้า และรักษาพวกเขาไว้ด้วยการสร้างรายชื่ออีเมล เมื่อเราได้ Leads เข้ามา เราก็จะรวบรวมรายชื่ออีเมลและมาทำเป็นลิสต์ไว้ รายชื่ออีเมลเป็นการลงทุนที่สร้างโอกาสในการขายที่ดีที่สุด เพราะสร้างรายได้ที่ดีโดยการดึงดูดลูกค้าได้เป็นระยะเวลานาน เราสามารถออกโปรโมชั่น, คูปองส่วนลด และข้อเสนอพิเศษ กับลูกค้าเพื่อให้พวกเขากลับมามีส่วนร่วมและกระตุ้นให้ซื้อสินค้าซ้ำ
รายชื่ออีเมลนั้นยอดเยี่ยมสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับสินค้าอย่างเสื้อผ้า เราสามารถสร้างยอดขายเพิ่มได้จากการสร้างนิสัยการซื้อซ้ำของลูกค้า
7. การอ้างอิงจากลูกค้าเก่า
การได้รับคำแนะนำจากคนที่รู้จักและไว้วางใจ ช่วยให้สามารถเลือกแบรนด์ที่ดีขึ้นได้ เราสามารถสร้างโปรแกรมการอ้างอิงที่ลูกค้าเก่าจะได้รับรางวัลทุกครั้งเมื่อมีลูกค้าใหม่มาสมัครสมาชิกหรือซื้อสินค้า โปรแกรมการอ้างอิงเป็นวิธีที่คุ้มค่าในการหาลูกค้าใหม่ในขณะที่สามารถรักษาลูกค้าเก่าไว้ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ได้เช่นกัน
8. ปรับปรุง SEO และหน้า Landing Page
การปรับปรุงหน้า Landing Page เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ นั้นเป็นวิธีที่ดีในการหาลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าไว้ หน้า Landing Page ควรมีคำกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่ชัดเจน สามารถแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่พวกเขาต้องการ นอกจากนั้นการสร้างคอนเทนต์ที่ดีและมีเนื้อหาที่เหมาะสม จะช่วยให้เว็บไซต์ได้อันดับที่ดีในหน้าการค้นหาของ Google ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ได้
การเพิ่มประสิทธิภาพ SEO เป็นที่มาของการเข้าชมที่เพิ่มมากขึ้น และแม้แต่คอนเทนต์ที่อัปโหลดเมื่อหลายปีก่อน ยังคงสามารถติดอันดับแรกๆ ในผลการค้นหา และสร้างลูกค้าให้ธุรกิจต่อไปได้
การสร้างลูกค้าคือการถอดรหัสสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เมื่อเราสามารถค้นพบได้แล้ว การสร้างยอดขายนั้นก็เป็นเพียงการขยายกระบวนการเท่านั้น ลองทำความเข้าใจว่าช่องทางใดเหมาะกับธุรกิจของเรา และสามารถสร้างและขยายฐานลูกค้าของธุรกิจได้ดีที่สุด
คอมพิวเตอร์ควอนตัมคืออะไร ส่งผลกับโลกของเรายังไง?
253 week ago
มาทำความเข้าใจกับยุค Crowd-based Capitalism
253 week ago
Most read this week
Trending
Comments
Please login หรือ สมัครสมาชิก to join the discussion