ทุกวันพุธและพฤหัสบดีของช่วงต้นปี 61 ที่ผ่านมาเป็นวันที่หลายๆ คนรีบกลับบ้านเพื่อมารอดูละคร บุพเพสันนิวาส แต่หากลองย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนถ้าใครพลาดชมรายการทีวีก็คงยากที่จะมีโอกาสได้ดูย้อนหลัง เพราะยังไม่มีการนำมาเผยแพร่ให้ชมซ้ำได้ทางออนไลน์แบบทุกวันนี้ และยิ่งวิธีการวัดเรทติ้งของละครยังต้องใช้เวลานานมากกว่าปัจจุบัน แต่วันนี้นอกจากที่เราจะสามารถชมย้อนหลังได้ทางต้นสังกัดยังมีกลยุทธ์ในการเผยแพร่ออนไลน์ด้วยวิธีการถ่ายทอดสดหรือที่เรียกติดปากว่า Live จึงทำให้ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตามขอเพียงแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็สามารถรับชมได้ทุกรายการ ซึ่งการเผยแพร่สื่อทางออนไลน์ยังสามารถวัดตัวเลขความนิยมได้ชัดเจนรวดเร็ว สามารถบอกข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่ชมรายการ และสามารถวัดเรทติ้งได้อย่างแน่นอนอีกด้วย

เมื่อละครหรือรายการบางรายการได้รับการพูดถึงในโลกออนไลน์หรือได้รับเรทติ้งสูงๆ ตัวละครหรือนักแสดงหลักที่ได้รับความนิยมก็จะถูกสปอนเซอร์รายใหญ่หรือบางธุรกิจอยากดึงตัวไปเป็น Presenter แน่นอนว่าแบรนด์ใหญ่ๆ มักที่จะทุ่มทุนเพื่อดึงกระแสและชิงทำโฆษณาตัดหน้าคู่แข่งรายอื่นก่อนได้เสมอ เนื่องจากกระแสความนิยมดังกล่าวจะทำให้บรรดาคนที่ติดตาม Presenter เริ่มมาติดตามสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นด้วย สิ่งที่ได้กล่าวข้างต้นเรียกว่าการใช้กลยุทธ์ Real Time Presenter

ข้อดีของการใช้กลยุทธ์ Real Time Presenter นั่นคือ

1. สินค้าและบริการจะได้รับความสนใจและถูกติดตามมากขึ้น เนื่องจากบรรดาคนที่ติดตาม Presenter จะเริ่มมาติดตามสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย  

2. มัดใจลูกค้าได้ง่ายขึ้น โดยการสร้าง Content Emotional เพราะการสร้างเรื่องราวในโฆษณาให้เกี่ยวข้องหรือต่อยอดมาจากเนื้อเรื่องของละครหรือเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสอยู่นั้น และทำให้ตอบสนองต่อความรู้สึกของผู้บริโภค จะทำให้เป็นที่จดจำและโดนใจผู้บริโภคได้ง่ายมากขึ้น

3. สร้างภาพลักษณ์ที่ดี การเลือกเรื่องราวหรือ Presenter ของธุรกิจรายใหญ่ๆ เลือกมักจะมาจากกระแสข่าวที่เป็นในเชิงบวก เพื่อให้ภาพลักษณ์ของสินค้าและบริการออกมาในทิศทางที่ดีและน่าจดจำ บางครั้ง Real Time Presenter ไม่จำเป็นต้องมีเพียงแค่นักร้องหรือดาราเสมอไป แต่รวมไปถึงเน็ตไอดอลหรือ Influencer ต่างๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในเชิงน่าชื่นชมและน่าติดตาม

ไม่ใช่แค่เพียงธุรกิจใหญ่ๆ ที่มีเงินทุนหนาเท่านั้นที่สามารถใช้กลยุทธ์ Real Time Presenter ได้ แต่ SMEs ก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้เช่นกัน ด้วยการสร้าง Content Emotional โดยสามารถเอากระแสความนิยมของละครมาทำให้เป็นเรื่องราวสำหรับธุรกิจของตัวเอง หรืออาจจะจ้าง Influencer ที่ใช้เงินน้อยกว่ามาสร้างคอนเทนต์ที่เกาะกระแสค่านิยมของผู้บริโภคให้เกิดการจดจำแบรนด์และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท