พูดถึงยุคดิจิทัลแค่การพัฒนาสินค้าอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะการพัฒนาสินค้าในวันนี้ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วย มีการลงทุนในการสร้างเทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจมากขึ้นและโดยเฉพาะธุรกิจเครื่องสำอาง

เนื่องจากธุรกิจเครื่องสำอาง เป็นธุรกิจที่เติบโตค่อนข้างเร็วเพราะไม่เคยหยุดนิ่ง และมี Digitalization เข้ามาช่วยเพื่อให้ผู้บริโภคแชร์เรื่องราวประสบการณ์และรีวิวให้กับผู้บริโภคคนอื่น ๆ ต่อไป และไม่ว่าจะเป็นภาษาไหนหรืออยู่มุมไหนของโลกก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ หรือแม้แต่การทำธุรกิจความสวยงามก็สามารถทำได้ข้ามประเทศอีกเช่นกัน

เทคโนโลยีที่ใช้เพียงติดต่อสื่อสารอาจจะยังไม่เพียงพอ ต้องพัฒนาไปอีกขั้น เหมือนกับแบรนด์ ลอรีอัล ที่นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ไม่ว่าจะเป็น AR ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI หรือการบริการแบบ Voice Ordering คือการสั่งซื้อสินค้าด้วยเสียง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเทคโนโลยีแบบ AR ที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับความรู้สึกเสมือนจริงก่อนการใช้งานจริงมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการซื้อและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในหมวดหมู่ความสวยความงามเดียวกัน เทคโนโลยี AR มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากเพราะสินค้าประเภทเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการทดลองสินค้าก่อนซื้อ เพื่อให้รู้ว่าเครื่องสำอางที่จะซื้อไปนั้นจะเหมาะกับตนหรือไม่ โดยเฉพาะรองพื้นและลิปสติกเป็นสิ่งที่ผู้หญิงซื้อบ่อยมาก แถมมีหลายเฉดสีให้เลือกซื้อ

ดังนั้น การสร้าง AR เพื่อจำลองการใช้งานทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสเสมือนการใช้งานกับสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ และ AR ถือเป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้ง่ายโดยสามารถใช้จากแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนได้เลย และใช้งานจากที่ใดก็ได้

การพัฒนาเทคโนโลยีด้านความสวยงามโดยเฉพาะการเลือกซื้อเครื่องสำอาง มีโอกาสเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าเราได้มากกว่าไม่ว่าจะเป็นการซื้อแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ เพราะการจำลองการใช้งานจริงทำให้ลูกค้าเห็นความสมจริงที่สามารถมองเห็นได้ โดยไม่ต้องมีอุปการณ์หรือเครื่องมือที่ยุ่งยาก และการสร้าง AR สามารถเก็บฐานข้อมูลลูกค้าได้อีกด้วย ในการสร้างแอปพลิเคชัน AR อาจจะมีการเพิ่มเติมข้อมูลลูกค้าหรือโปรแกรมการสั่งซื้ออื่น ๆ อยู่ในแอปพพลิเคชันเดียวกันได้อีกด้วย