คำพูดติดปาก...ถ้าไม่อยากอยู่ยาก เลิกพูดกันดีไหม

คำพูดติดปาก...ถ้าไม่อยากอยู่ยาก เลิกพูดกันดีไหม

สิ่งแวดล้อม

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

301 week ago — ใช้เวลาอ่าน 5 นาที

คำพูดและวิธีการพูด เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลลัพธ์ที่ดีต่อความก้าวหน้าและความสำเร็จในชีวิต ซึ่งหลายคนอาจมีคำพูดติดปากเล็กๆ ที่หากพูดบ่อยๆ หรือไม่ระวัง อาจส่งผลให้ตกที่นั่งลำบาก ทำให้อยู่ยากในสังคมทำงานก็เป็นได้ และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงภาพลักษณ์ในแง่ลบลองมาดูกันว่า 10 คำที่ควรเลิกพูดนั้นมีอะไรบ้าง

 

  1. เดี๋ยวก่อน/เดี๋ยวค่อยทำ

คนที่ชอบพูดคำว่า ‘เดี๋ยวก่อน/เดี๋ยวค่อยทำ’ มักเป็นคนที่ชอบหนีปัญหา บางครั้ง เมื่อบางคนต้องเจอกับงานยาก หรือไม่ถนัด ก็มักผลัดออกไปก่อนและปล่อยให้เวลาผ่านไป เมื่อใกล้ถึงกำหนดส่งจึงมาเร่งทำทีหลัง ทำให้งานที่ออกมานั้นไม่สมบูรณ์ ไม่มีประสิทธิ์ภาพอย่างที่ควรจะเป็น เพียงแค่ทำให้เสร็จจะได้ปิดจ็อบไปหนึ่งงาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่องานไม่ได้ประสิทธิภาพ ก็ต้องนำกลับมาแก้อยู่ดี ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานที่ล่าช้าของคนอื่นด้วย

 

  1. ไม่ใช่หน้าที่/ไม่ใช่ปัญหาของฉัน

คำพูดนี้อาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะในบางครั้งอาจยังมีงานคามืออยู่ งานล้นมือ หรือติดภารกิจอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือหรือช่วยผู้อื่นแก้ไขปัญหาได้ หากแต่บางกรณี เมื่อบางคนได้รับงานอื่นหรือคำขอความช่วยเหลือที่นอกเหนือจากหน้าที่ที่ทำอยู่ประจำ ก็จะทำเป็นไม่สนใจ ไม่แยแสอะไรทั้งนั้น เพราะไม่ใช่เรื่องของฉัน และการกระทำนั้นสะท้อนถึงตัวตนของคนพูดให้ดู Selfish ไปเสียอย่างนั้น

 

ดังนั้น หากไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่รู้เกี่ยวกับปัญหานี้ หรือยังมีงานติดพันอยู่ก็ตาม ควรสละเวลาสักนิด แนะนำบุคคลหรือช่องทางอื่นที่อาจสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ คงจะดีอยู่ไม่น้อย

 

  1. ไม่มีเวลา/ไม่ว่าง

คนที่พูดคำนี้บ่อยๆ มักเป็นคนที่ทำอะไรเชื่องช้า หรือเป็นคนที่บริหารเวลาไม่เป็น หากมีงานอยู่ในมือในปริมาณมากๆ ควรจัดการบริหารกำหนดระยะเวลาของแต่ละงานให้ดี เพราะหากทำงานแบบไม่มีกำหนดเวลา จะส่งผลต่องานชิ้นอื่นๆ และอาจส่งผลต่อผู้ที่ต้องรับผิดชอบงานต่อจากเราด้วย

 

  1. มีอะไรให้ช่วยไหม

สำหรับคนที่ถาม “มีอะไรให้ช่วยไหม” จนติดปาก มักเป็นคนตรงข้ามกับคนที่มักพูดว่า “ฉันไม่มีเวลา/ฉันไม่ว่าง” เพราะการให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆ นั่นหมายความว่างานหรือหน้าที่ที่ต้องจัดการได้เสร็จลงเรียบร้อยแล้ว จึงสามารถแบ่งเวลามาช่วยเหลือผู้อื่นได้ จนบางครั้งกลับทำให้คุณต้องแบกรับภาระหนักไว้เสียเอง

 

  1. จะพยายาม/จะลองดู

ฟังดูเหมือนจะดี แต่ฟังดูอีกทีไม่ดีซะงั้น เพราะคำว่า “ฉันจะพยายาม” ทำให้รู้สึกเหมือนได้ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม หรืออาจทำให้คิดไปได้ว่าไม่เร่งรีบหรือกระตือรือร้นที่จะทำงานให้สำเร็จด้วย

 

  1. เขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น

สำหรับคนที่พูดคำนี้จนติดปาก บ่งบอกถึงการเป็นคนที่ไม่มีความกระตือรือร้น ไม่รู้จักการปรับตัว เพราะทุกๆ วินาทีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เมื่อเวลาผ่านไปหากไม่ปรับตัวให้ทัน คุณเองนั่นแหละที่จะทนทำงานอยู่ต่อไปไม่ได้ เพราะความคิดใหม่ๆ คือการหาวิธีการใหม่ๆ ในการแก้ปัญหา ทำให้คุณเติบโตและก้าวนำผู้อื่นไปได้เสมอ

 

  1. ช่วยหน่อยสิ

คนประเภทนี้อาจจัดอยู่ในกลุ่มของคนที่บริหารเวลาไม่เป็น และไม่มีความเกรงใจ แม้ว่าการอยู่ร่วมกัน ย่อมต้องเกื้อกูลกัน แต่สำหรับบางคนมักจะมีเหตุให้ต้องขอความช่วยเหลือไปซะทุกครั้ง ติดคุยกับลูกค้าบ้าง งานติดมือบ้าง จนบางครั้งก็รู้สึกว่ามันเกินไปหรือเปล่า

 

  1. ได้ครับ/ได้ค่ะ

มีคนจำนวนมากที่พูดคำนี้จนติดปาก หลังถูกมอบหมายงานบางอย่าง บ่งบอกว่าคุณเองเป็นคนที่มีความมั่นใจในความสามารถตนเอง หรือตรงกันข้ามคือเป็นคนขี้อาย (แต่ไม่ถูกเวลา) เพราะในการทำงานนั้น การตกลงรับงานมานั้น เราต้องมั่นใจก่อนว่าเราสามารถทำงานให้ลุล่วงไปได้แน่ๆ หากไม่เป็นเช่นนั้น ควรต้องปฏิเสธการรับงานออกไป เพราะหากคุณรับงานมาแต่ไม่สามารถทำได้ คุณอาจกลายเป็นคนที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพในทันที  

 

  1. ทำไม่ได้/ทำไม่เป็น

ในบางครั้งการพูดว่า “ได้ครับ/ได้ค่ะ” อาจเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะการบอกว่าเรา “ทำไม่ได้/ทำไม่เป็น” นั้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ขาดความมั่นใจ และการไม่มีความพยายามเอาเสียเลย  รวมไปถึงการไม่พร้อมที่จะเรียนรู้งานใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทักษะความสามารถของตนเองด้วย

 

  1. ถ้า.../แต่...

หากได้ยินคำว่า “ถ้า.../แต่...” จากใครสักคนบ่อยๆ ให้คิดไปก่อนเลยว่าคนประเภทนี้เป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตนเอง แม้ว่าจะเป็นช่างคิด ช่างพูด ช่างวิจารณ์ ชอบแสดงความคิดเห็น แต่มักไม่แสดงผลงานออกมาให้เห็น เพราะกลัวว่าผลงานที่ออกมาจะไม่ดีเหมือนกับที่พูด นิสัยนี้ไม่ดีต่อการพัฒนาตัวเองเลย หากคุณไม่อยากย่ำอยู่กับที่ ต้องคิดและลงมือทำทันที จะออกมาดีหรือไม่ก็ต้องพัฒนากันต่อไป

 

ยังมีคำอีกมากมายที่อาจทำให้คุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เช่น การพูดเล่นหรือแซวเรื่องส่วนตัวในที่ทำงาน อาจทำให้กลายเป็นคนไม่มีมารยาทได้ ซึ่งกรณีนี้อาจต้องมองเป็นรายบุคคลไป เพราะบางคนค่อนข้างถือเรื่องส่วนตัว อาจรู้สึกว่ากำลังโดนจ้องจับผิดอยู่ และอาจทำลายความเชื่อใจซึ่งกันและกันได้ ยิ่งกับคนที่ไม่สนิทกันด้วยแล้ว ควรหลีกเลี่ยงเป็นดีที่สุด

 

แม้บางครั้งไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำพูดเหล่านี้ได้ จึงควรให้เหตุผล แนะนำบุคคลอื่นที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ หรือเปลี่ยนวิธีการพูดให้แตกต่างออกไป จะเห็นได้ว่าการมีทักษะในการสื่อสารได้ดี ย่อมเป็นที่รักของเพื่อร่วมงานและองค์กรได้อย่างแน่นอน

 

Comments