Insurtech เทคโนโลยีที่ทำให้การประกันภัยใกล้คุณยิ่งขึ้น

Insurtech เทคโนโลยีที่ทำให้การประกันภัยใกล้คุณยิ่งขึ้น

Insurance

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

293 week ago — 4 min read

เมื่อพูดถึงเรื่องของการประกันภัย หลายคนอาจนึกไปถึงความยุ่งยาก ขั้นตอนซับซ้อน ไกลตัว แต่ในขณะเดียวก็ยังเห็นถึงความจำเป็นว่าเป็นสิ่งที่ควรต้องทำเอาไว้ในยามฉุกเฉิน การทำประกันที่ผ่านมาอาจทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกแบบที่ว่ามาแต่ปัจจุบันได้เริ่มมีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ ซึ่งหลายคนคงอาจเคยได้ยินคำว่า Insurtech กันมาบ้างแล้ว แล้ว Insurtech คืออะไร

 

Insurance + Technology

Insurtech มาจากคำสองคำคือ การทำประกันภัย (Insurance) และ เทคโนโลยี (Technology) ซึ่งรวมแล้วก็คือการนำเอาเทคโนโลยีโดยเฉพาะด้านดิจิทัลเข้ามาช่วยในธุรกิจประกัน จากเดิมที่การทำประกันภัยยังมีช่องว่างหรือความยุ่งยากอยู่หลายอย่าง เช่น การเสนอขายประกันจากตัวแทนที่อาจสร้างความอึดอัดรำคาญใจ การเลือกแบบประกันภัยที่ไม่ตรงตามความต้องการแท้จริง การส่งเอกสารสำคัญต่าง ๆ การคำนวณการจ่ายเบี้ยประกันที่ไม่เหมาะสมจริง การเริ่มต้นและระยะเวลาในการคุ้มครอง ปัญหาในการเคลมประกัน ฯลฯ ดูเหมือนว่าทุกขั้นตอนที่ว่ามาต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการอยู่ไม่น้อย

 

ช่องว่างเหล่านี้เองจึงทำให้มีการคิดที่จะเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า การนำเทคโนโลยีเข้ามานั้นช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มช่องทางบริการ ทั้งการให้คำปรึกษา การวิเคราะห์แบบประกันภัยที่เหมาะสม การคำนวณเบี้ยประกันที่ถูกต้อง และการจ่ายเงินเคลมประกันให้กับลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ความสะดวกสบายทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนพียงเครื่องเดียว

 

Insurtech ช่วยลดช่องว่างในธุรกิจประกันได้อย่างไร

  1. ทำให้การเลือกซื้อแบบประกันง่ายขึ้น ด้วยการสร้างฐานข้อมูลทั้งแบบประกันภัยและข้อมูลของผู้ซื้อ แล้วนำมาวิเคราะห์ วางแผนการทำประกัน และแนะนำแบบประกันที่เหมาะสมได้ตรงตามความต้องการของแต่ละคนมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยเทคโนโลยีอย่าง chatbot หรือ AI เข้ามาช่วยได้

  2. ทำให้การขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าและนำมาวิเคราะห์ จะช่วยทำให้สามารถวางแผนการขายได้เป็นระบบดีมากขึ้น และสามารถดำเนินการทุกขั้นตอนผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการกรอกข้อมูลใบสมัครออนไลน์ การชำระเงินออนไลน์หรือ e-Payment และการออกกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้มาก เกิดความผิดพลาดน้อยลง ใช้เวลาน้อยกว่าเดิมมาก

  3. ทำให้การประเมินความเสี่ยงรายบุคคลได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) ที่สามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมของรายบุคคลหรือสิ่งต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์ที่สามารถตรวจวัดและเก็บข้อมูลได้เฉพาะเจาะจง ทำให้ประเมินความเสี่ยงส่วนบุคคลได้แม่นยำมากขึ้น และสามารถช่วยคำนวณเบี้ยประกันได้ถูกต้องตรงกับความเสี่ยงของแต่ละคนได้มากกว่าเดิม

  4. ทำให้ระบบการเคลมสะดวกและรวดเร็วขึ้น การพัฒนาระบบต่างๆ ให้เป็นออนไลน์ทำให้มีการเชื่อมฐานข้อมูลเข้าด้วยกัน ทำให้การแจ้งเคลม การติดตามผล สืบค้นข้อมูล และการอนุมัติ ทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

สำหรับกระแส Insurtech บ้านเราก็ได้รับความสนใจไม่น้อย ผู้ประกอบการในธุรกิจประกันได้เริ่มผลักดัน Insurtech ที่ตนเองได้พัฒนาระบบออกมาในรูปแบบของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันทั้งแบบประกันภัยรถยนต์ ประกันสุขภาพ ประกันภัยส่วนบุคคล ฯลฯ ที่สุดแล้วปลายทางประโยชน์คงตกอยู่ที่ลูกค้าและสังคม อนาคตการทำประกันคงเป็นส่วนหนึ่งในสาธารณูปโภคของคนในสังคมเพราะ Insurtech น่าจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และเป็นเรื่องไม่น่ากังวลใจอีกต่อไป

 

Comments