HI-AI : ปี ค.ศ. 2020 มีแนวโน้มจะนำมาใช้ได้จริงหรือ?

HI-AI : ปี ค.ศ. 2020 มีแนวโน้มจะนำมาใช้ได้จริงหรือ?

เทคโนโลยี

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

218 week ago — ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

HI-AI : ปี ค.ศ. 2020 มีแนวโน้มจะนำมาใช้ได้จริงหรือ?

 

    ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ได้แสดงศักยภาพจาก AI รุ่นแรกเริ่มที่เป็นเพียงกลไกแก้ไขของระบบคอมพิวเตอร์ จนถึง AI ที่มีระบบปฏิบัติการซับซ้อน ใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) จนเปลี่ยนวงการอุตสาหกรรมสายพานการผลิตให้เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยคลังข้อมูลดิจิทัล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลไกเหล่านี้ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันในทุกภาคส่วน ตั้งแต่การแพทย์ การคมนาคมขนส่ง การวางระบบสาธารณูปโภค และอีกมากมายที่เข้าสู่วงจร Digital Economy

 

ปัญญาประดิษฐ์ คืออะไร !?

 

ปัญญาประดิษฐ์  (AI: Artificial Intelligence)  คือ เครื่องจักร(machine) ที่มีฟังก์ชันทีมีความสามารถในการทำความเข้าใจ เรียนรู้องค์ความรู้ต่างๆ อาทิเช่น การรับรู้  การเรียนรู้ การให้เหตุผล และการแก้ปัญหาต่างๆ  เครื่องจักรที่มีความสามารถเหล่านี้ก็ถือว่าเป็น ปัญญาประดิษฐ์  (AI: Artificial Intelligence) นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่า AI ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเครื่องจักรมีความสามารถที่จะเรียนรู้นั่นเอง  ซึ่ง AI ก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับตามความสามารถหรือความฉลาด  โดยจะวัดจากความสามารถในการให้เหตุผล การพูด และทัศนคติของ AI ตัวนั้นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์อย่างเราๆ AI ถูกจำแนกเป็น 3 ระดับตามความสามารถหรือความฉลาดดังนี้

 

    1. ปัญญาประดิษฐ์เชิงแคบ  หรือ ปัญญาประดิษฐ์แบบอ่อน (Weak AI) คือ AI ที่มีความสามารถเฉพาะทางได้ดีกว่ามนุษย์ อาทิ เช่น AI ที่ช่วยในการผ่าตัด (AI-assisted robotic surgery) ที่อาจจะเชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัดกว่าคุณหมอยุคปัจจุบัน  แต่แน่นอนว่า AI ตัวนี้ไม่สามารถที่จะทำอาหาร ร้องเพลง หรือทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการผ่าตัดได้นั่นเอง


    2. ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป คือ AI ที่มีความสามารถระดับเดียวกับมนุษย์ สามารถทำทุกๆอย่างที่มนุษย์ทำได้และได้ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับมนุษย์

 

    3. ปัญญาประดิษฐ์แบบเข้ม  คือ AI ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในหลายๆด้าน

    เมื่อมอง AI ในฐานะแรงงานแห่งอนาคต จึงเกิดเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามว่า AI จะมาแทนที่แรงงานคนหรือไม่ หรือถ้าต้องใช้งาน AI จะมีวิธีการควบคุมหรือสร้างจริยธรรมให้กับสังคมปัญญาประดิษฐ์อย่างไร จากคำถามนี้ จึงเป็นที่มาของการหาทางออกเพื่อให้ AI อัจฉริยะและสมบูรณ์แบบมากที่สุด โดยทำให้ AI ตอบโจทย์การใช้งานของมนุษย์ จากการเรียนรู้เชิงลึกจากรากฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงบนเครือข่ายบล็อคเชน แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาจัดอัลกอริทึมความรู้ในรูปแบบโมเดลหรือแพทเทิร์นสำหรับการหาคำตอบและการตัดสินใจในตรรกะและสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีจะแข็งแกร่งเพียงพอก็ต่อเมื่อกำจัดจุดอ่อนด้วยประสิทธิภาพทางความรู้ และหน้าที่สอนเทคโนโลยีให้รอบรู้นั่นคือ หน้าที่ของมนุษย์ โดยเรียกผู้กุมชะตาอนาคตเทคโนโลยีนี้ว่า HI-AI ซึ่งหมายถึงการผสานความอัจฉริยะของมนุษย์ (Human Intelligence) กับความฉลาดทางปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)

 

    ในปี ค.ศ. 2020 จึงมีแนวโน้มว่าจะสามารถนำมาใช้ได้จริง เนื่องจาก ในปี 2020 นี้ คาดว่าจะมีการเริ่มเปิดระบบ 5G ซึ่งสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบ 5G จะเข้ามาทำหน้าที่เสมือนกุญแจที่ปลดล็อกความสามารถของ HI-AI ทำให้การใช้งานระบบปฏิบัติการสามารถลื่นไหลขึ้นได้ด้วยคำสั่งเสียงแทนการกดคลิกหรือการสัมผัส ดังที่บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนหลายค่ายนำปุ่มออกเพราะไม่ต้องใช้ประโยชน์จากการกดปุ่มอีกต่อไป         

    การทำงานของ HI-AI นั้นขยายสู่ตลาด Mobille Commerce สร้างจุดแข็งการขายสินค้าออนไลน์ ด้วยความสามารถของสมาร์ทโฟนที่มีระบบติดตาม พิกัด สถานที่ทั้งจากการใช้งาน GPS หรือ Wi-Fi ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับโฆษณาในช่วงเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม สามารถออกแบบแอพพลิเคชั่นให้มีความสามารถเฉพาะกลุ่มลูกค้าไดง่ายมากกว่าการใช้บริการ E-Commerce บนเว็บเบราเซอร์ มีการนำ Chat Bot มาใช้งานมากขึ้น ทำหน้าที่ นอกเหนือจากการตอบคำถามและแนะนำสินค้า ผสาน Chat Bot เข้ากับ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ โดยจะเข้ามาเป็นแนวโน้มหลักสำหรับร้านค้าในปี 2020 สร้างความเข้าใจและทดลองใช้งานสินค้าแบบส่วนตัว ทำให้การซื้อขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

Comments