การท่องเที่ยวนิยามใหม่ของไทยที่ได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย

การท่องเที่ยวนิยามใหม่ของไทยที่ได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย

SME Inspirations

GlobalLinker Staff

GlobalLinker Staff

219 week ago — 5 min read

การท่องเที่ยวนิยามใหม่ของไทยที่ได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไหลเข้าประเทศไทยล้วนมาจากประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ และยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักอยู่อย่างต่อเนื่องในขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่มาเยือนประเทศไทยก็เริ่มมีอัตราเติบโตขึ้นกว่า  20% ในช่วงปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า ณ ตอนนี้ นิยามการท่องเที่ยวใหม่ของไทยได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียเป็นหลัก โดยมีปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้เป็นชนวน 

ชาวจีน-อินเดียเที่ยวไทยไม่ต้องใช้วีซ่า

แน่นอนว่าแรงขับเคลื่อนใด ๆ ก็ไม่มีทางมาแซงแรงโค้งเท่าแรงหนุนจากภาครัฐที่ได้ประกาศละเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย โดยให้สิทธิ์เที่ยวไทยได้มากถึง 15 วัน เป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ไปจนถึง 1 ตุลาคม 2563 

และแน่นอนว่าภาครัฐหนุนหนักขนาดนี้ ภาคเอกชนก็จะต้องขานรับในทันที ระยะหลังเราจึงเริ่มเห็นธุรกิจต่าง ๆ เริ่มปรับตัวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ได้มีการหลั่งไหลเข้ามาเยือนประเทศไทยเป็นจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Asiatique Riverside หรือ ตลาดนัดรถไฟรัชดา ได้กลายเป็นแหล่งรองรับทัวร์จีนอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ โดยเราได้เริ่มเห็นร้านค้าสัญชาติจีนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และพ่อค้าแม่ขายในตลาดเหล่านี้ก็ยังสามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว 

ในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวชาวอินเดียนั้นก็ไม่น้อยหน้าจีน ด้วยระยะทางระหว่างอินเดียและไทยที่ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 3-4 ชั่วโมง และด้วยกำลังซื้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางมายังประเทศไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นสถานที่ที่ชาวอินเดียนิยมเดินทางมาจัดพิธีแต่งงาน และแน่นอนว่าโรงแรมระดับ 5 ดาวหลายแห่งก็มีความพร้อมที่จะรองรับพิธีแต่งงานของชาวอินเดียอยู่มาก ด้วยจำนวนแขกร่วมงานที่ค่อนข้างสูงถึง 300-400 คน และงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่กินเวลามากถึง 3-4 วัน นอกจากนี้ ชาวอินเดียยังนิยมเดินซื้อเสื้อผ้าตามท้องตลาด ด้วยทักษะการต่อรองราคาทำให้พวกเขาสามารถจับจ่ายใช้สอยในตลาดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของไทยได้อย่างคุ้มค่า 

ททท. ชูเที่ยวเมืองรอง รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

ในปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้มีการออกนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองมากยิ่งขึ้น ซึ่งนับว่าเมืองรองต่าง ๆ ของไทยล้วนเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูงในการรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา ด้วยชาวอินเดียมักมีการใช้จ่ายในการเดินทางต่อครั้งเฉลี่ยประมาณ 50,000 บาท และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ค่อนข้างสนใจการท่องเที่ยวในรูปแบบเฉพาะกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวคู่แต่งงาน กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานแต่งงาน หรือแม้กระทั่งกลุ่มธุรกิจ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวตามเมืองรองของไทยมักมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งยังมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ๆ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงที่จะรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างในราคาย่อมเยา

นอกจากนี้ ด้วยมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง จึงได้เริ่มผลักดันภาคเอกชนให้หันมาพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวนอกเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ๆ มากยิ่งขึ้นเพื่อกระจายจำนวนนักท่องเที่ยวสู่จังหวัดอื่น ๆ และยังเป็นการสร้างโอกาสในการกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่นได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของกลุ่มนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังกลายเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งชาวจีนและชาวอินเดีย ที่เริ่มมีการใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งประเทศไทยนั้นนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้อนรับชาวจีนได้ดีที่สุดเป็นอันดับสองรองจากญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสะดวกสบาย และการติดต่อสื่อสารด้วยภาษาจีน เช่นเดียวกันกับชาวอินเดียที่สามารถเดินทางเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยสะดวกด้วยการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษตามหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ๆ 

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่เริ่มนิยมการท่องเที่ยวด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น ด้วยความรักอิสระในการเดินทาง ทำให้พวกเขาชอบเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ด้วยตนเอง เพื่อค้นหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่าง เปิดโอกาสให้มีการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวโดยผู้ประกอบการ SME มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กที่เน้นการตกแต่งและการบริการที่แตกต่าง หรือร้านอาหารท้องถิ่นที่ชูโรงทางด้านประสบการณ์การนำเสนออาหารท้องถิ่นที่หลากหลายเป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวควรพัฒนาตนเองอยู่เสมอเพื่อให้มีความคล่องตัวสูง และไม่พึ่งพาอาศัยนักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากจนเกินไป เพราะรูปโฉมของการท่องเที่ยวอาจเปลี่ยนแปลงไปได้อีกมากในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า 

 

Comments (1)